เราไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยความที่ไม่รู้อะไรใดใดมาก่อน
ไม่รู้จักชื่อหนังคือมาจากบุคคลจริง ที่ชื่อว่า Edward Snowden
เทรเลอร์ก็ไม่เคยดูมาก่อน รู้คร่าวๆ ว่าสร้างมาจากหนังสือ
และอ้างอิงจากเหตุการณ์จริงๆ และเกี่ยวกับประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า

ไม่รู้อะไรเลยนั่นแหละดีแล้ว ใจจะได้เปิดกว้างและเป็นกลางที่สุดกับข้อมูลที่หนังต้องการสื่อออกมา

Snowden เต็ม ให้ 8.5/10 ชอบนะ
เป็นหนังแนวอาชญากรรมทางโลกไซเบอร์ ดราม่าการเมืองเข้มข้นสุดๆ
ดูจบแล้วอินหนักหน่วง ตามหาข่าวเก่าๆ มานั่งอ่านย้อนหลังได้เป็นวัน
คงไม่ดีแน่ถ้าเราใช้ชีวิตอยู่แล้วมีคนเคยสอดแนม และเข้าถึงข้อมูลทุกๆ อย่างตลอดเวลา

เป็นเรื่องราวของ Edward Snowden ที่มีความตั้งมั่นว่าอยากจะรับใช้ชาติให้ได้
จึงไปสมัครเป็นทหาร และคาดหวังว่าอยากไปรบที่อิรัก
แต่สุดท้ายขาหัก เลยจับผลัดจับผลูได้ไปทำงานอยู่ที่ CIA
ด้วยความที่เขาฉลาด และสนใจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ไอทีอย่างมาก
จึงเป็นที่ต้องการตัวให้เขามาทำตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยด้านไอที
โดยที่เขาอยากเข้ามาทำตำแหน่งเพราะคิดว่ามันเท่มาก
เมื่อสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการได้แบบที่คนอื่นไม่สามารถทำได้
ตอนนั้นเขาก็ยังเด็ก ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แล้วก้าวเข้ามาแล้ว มันถอยหลังกลับไม่ได้ด้วย

ผอ. CIA บอกกับกลุ่มเด็กหัวกะทิที่รับเข้ามาทำงานให้กับหน่วยงานนั้นว่า
เพราะเราจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์ 9/11 ขึ้นอีกแล้ว
ให้มันถือว่าเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่คนรุ่นหลังได้ปล่อยให้เกิดขึ้นไว้
ภายภาคหน้าสงครามจะไม่ได้เกิดขึ้นในรูปแบบการรบราฆ่าฟัน
หรือเลือกเกิดในแถบตะวันกลาง แต่สงครามเกิดขึ้นได้จากทุกที่
และก่อนจะเกิดเหตุความรุนแรงใดๆ จากทั่วทุกมุมโลก เราต้องรู้ก่อนให้ได้ว่าใครจะทำอะไร
ข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตที่คนสื่อสารกัน จึงกลายเป็น Big Data ที่สำคัญ
ที่รัฐบาลอเมริกามองว่าจะต้องเข้าถึงแล้วป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติอีก
หน้าที่ของ Snowden ก็คือเฝ้าดูข้อมูลไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น

แต่ด้วยความซื่อตรง และมองอะไรอย่างตรงไปตรงมาตามจริง
พอทำงานไปได้สักพัก ก็กลิ่นไม่ค่อยดีละ ก็ขอย้ายไปอยู่ที่เจนีวา
และลาออกย้ายไปบริษัทเดล และถูกทาบทามไปอยู่ที่ฮาวาย
ทั้งหมดทั้งมวลตลอดการทำงานของ Snowden
เราจะค่อยๆ รับรู้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
เหมือนกับที่ชีวิตเขาต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่มาจากอำนาจผ่านโลกไซเบอร์
มันน่ากลัวมาก ไม่ดีแน่ๆ ถ้ามีคนสามารถรู้ว่าเราแชทอะไรกับใครบ้าง
มีความสัมพันธ์กับใคร มีการดักฟังเสียงสนทนาเราทุกๆ การ call เอาไว้
ดูแล้วสนุกและก็อึ้งไปพร้อมๆ กัน กับสิ่งที่ประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา
แอบทำกับชาวอเมริกันมาตลอดหลายปี
บารัค โอบาม่าก็โอบาม่าเถอะ ไม่น่าจะได้รางวัลโนเบล สาขาสันติภาพไปเลยนะ
หมดกันความเชื่อมั่นที่ให้ไว้ว่า Yes, We Can

พระเอกเรื่องนี้นำแสดงโดย Joseph Gordon (พ่อหนุ่มแสนเศร้านักรักจากเรื่อง 500 Days of Summer)
และนางเอกคือ Shailene Woodley (เด็กสาวที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งจาก The Fault in Our Stars)
Joseph แอบเหมือนสโนว์อยู่ เห็นว่าเขาถึงขั้นไปสนิทกันก่อนที่จะมาเล่นหนังเรื่องนี้ด้วย
ทำให้บุคลิกมันละเอียด ดูเชื่อว่าเนี้ยะเขาเป็น Ed Snowden ตัวจริง

นับถือในความกล้าของผู้กำกับที่กล้าเล่า กล้าเอาความจริงมาสื่อให้คนทั้งโลกได้รู้

จริงอยู่ที่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงมันซับซ้อนซ่อนเงื่อนกว่านี้หลายเท่า
แต่หนังสามารถเล่าให้คนที่ไม่ใช่อยู่ในวงการไอที เข้าเป็นภาพให้เข้าใจได้ง่าย
คิดอยู่ว่าหนังเรื่องต้องได้เข้าชิงรางวัลหลายสาขาแน่ๆ อย่างน้อยต้องมีพวกบทยอดเยี่ยมไรงี้

หนังยาว 2 ชั่วโมง 14 นาที
แต่เราไม่เบื่อเลยนะ ถึงจะแอบหาวบ้าง
บางบทสนทนาเป็นภาษากฎหมาย ความมั่นคง ฟังเข้าใจยากก็พยายามดูๆ ไป

ถึงบทสรุปสุดท้ายชีวิตของ Snowden จะยังไม่รู้แน่ชัด
ตอนนี้ล่าสุดคนกลายเป็นผู้ลี้ภัยและได้รับให้อาศัยอยู่ในประเทศรัสเซีย

By admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *