“ไม่ให้ไป”
“จะอยู่ได้เหรอ ไหวแน่นะ”
“ไม่หนีกลับก่อนละ”
ทุกคนต่างคิดว่าเรากำลังจะไปออกรบ หรือฝึกค่ายรด.
มันไม่ได้ลำบาก หรือถึงขั้นอดรนทนไม่ไหวเบอร์นั้น (I can’t stand it)
ทริปนี้ปุ๊ปปี๊ปรับโชคมาก เพื่อนมหาลัยคนนึงชวน ออกชื่อเสียงเรียงนามได้มะ (ได้) “ออมสิน”
เพื่อนในรุ่นคงรู้จักนางดี ถึงกิตติศักดิ์อันเลื่องลือชีวิตที่วุ่นวายของนาง 555 (ขอแซวหน่อย)
แบบชวนวันอังคารไปวันศุกร์บ่าย ต้องลางานครึ่งวันบ่ายแบบฉุกละหุก ลุ้นมากว่าพี่ PM จะ Approve ให้ลาไหม
เมื่อฉันทดลองไปปฎิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน 3 วัน 2 คืน : ภาพบรรยากาศภายในบริเวณที่รับประทานอาหาร
ก่อนตัดสินใจจะไป ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย
แค่รู้สึกว่า งืมก็ดีแหะ มีคนมาชวนไปปฎิบัติธรรมด้วย โอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการชวนไปทำอะไรแบบนี้คงไม่น่าจะเกิดขึ้นกับชีวิตวัย 22 ละแหละ
ถ้าชวนไปผิดศีลหรือเที่ยวอะไรแบบคึกคะนอง โอกาสจะเกิดขึ้นเยอะกว่าอยู่แล้ว
มีคนคิดว่าคนที่จะไปบวช หรือหนีไปเข้าวัด ปฎิบัติธรรม จะต้องมีปัญหา หรือต้องการหนีปัญหาอยู่แน่ๆ
แต่สำหรับเราแล้ว ชีวิตปกติสุขดีค่ะ ไม่ได้มีเรื่องให้ไม่สบายใจหรือเป็นทุกข์อยู่เท่าไหร่
แต่ด้านการงานค่อนข้างวุ่นวายและดูดพลังงานชีวิตไปเกือบหมดทุกวัน
เมื่อฉันทดลองไปปฎิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน 3 วัน 2 คืน : ร่มรื่นเบอร์สุด
สำหรับคนที่สนใจจะไปปฎิบัติธรรมที่เสถียรธรรม ให้ลองเข้าไปดูในเว็บนี้ http://www.websds.org/formregist/
คอร์สที่เราลงคือ “อาณาปานสติ” ถ้าต้องการสมัครลงคอร์สนี้ก็ให้ลงทะเบียนสมัครสมาชิกกับทางเว็บก่อน
โดยคอร์สนี้จะมีทุกๆ วันศุกร์ (บ่าย), เสาร์, อาทิตย์
ก่อนรายละเอียดให้เสร็จสรรพ แล้วก็เตรียมของ พวกเสื้อผ้านุ่งขาวห่มขาวแบบมิดชิด ไม่แนบเนื้อ
ของใช้ส่วนตัวถ้ามีแผ่นรองตอนทำโยคะก็เอาไปด้วย ที่นั่นมีพลาสติกขาย 30 บาทแน่ะ
สิ่งที่แนะนำและคิดว่าสำคัญคือ ผ้าห่ม (นี่ลืมเอาไปจ้า), กระบอกใส่น้ำดื่ม, ครีมหรือสเปรย์ทากันยุง จะบอกว่ายุงเยอะมากค่ะ ตบไม่ได้ด้วยผิดศีล แต่แม่ชีที่นั่นก็บอกนะว่าถ้าใส่ชุดขาวยุงจะไม่ค่อยกัด
เมื่อฉันทดลองไปปฎิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน 3 วัน 2 คืน : ต้นไม้ที่แทรกขึ้นตามหิน
ที่เสถียรธรรมสถานจะตั้งอยู่ถนนวัชรพล แถวๆ รามอินทรา
เราไปถึงที่นั่นวันศุกร์เกือบๆ 5 โมง (รถติด) จริงๆ คือจะไปถึงกี่โมงก็ได้ตั้งแต่บ่ายโมงเป็นต้นไป
แต่ถ้าไปเย็นมากๆ ก็จะมีเวลาจัดการตัวเองน้อยเพราะเราต้องเตรียมทำวัตรเย็น
ใครหิวก็กินให้อิ่มได้เลย พอทำวัตรเย็นเราก็จะรับศีล 8 กันแล้ว จะทานมื้อเย็นไม่ได้แล้วนะ ทานได้แต่น้ำปานะ
เมื่อฉันทดลองไปปฎิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน 3 วัน 2 คืน : บริเวณรอบๆ ธรรมะศาลา
สิ่งที่เข้ามาที่เสถียรฯ แล้วรู้สึกได้เลยขึ้นบรรยากาศดี เรื่องความร่มรื่นเย็นสบายนี่เอาไปเลยเต็ม 10 ให้ 9 เลยค่ะ
อุณหภูมิจะเย็นขึ้นทันที 2 องศาที่เดินมาจากด้านหน้าถนนวัชรพล
การตกแต่งด้านในก็ดูดีอะ ให้อารมณ์เหมือนมีรีสอร์ทแถววังน้ำเขียวด้วยซ้ำ 5555
เมื่อฉันทดลองไปปฎิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน 3 วัน 2 คืน : อาหารมังสวิรัติที่ทานช่วงปฎิบัติธรรม
อาหารการกินที่นี่ก็อุดมสมบูรณ์ดี มีอู่ข้าวอู่น้ำไว้บริการตลอด
ที่นี่กินมังสวิรัติกันทุกมื้อ อาหารที่ขายก็เป็นมังฯ มันก็ไม่ได้กินยากนะ
เรารู้สึกดีตรงที่ว่า เบาสบายท้อง ขับถ่ายง่ายขึ้นเยอะเลย ตลอดเวลา 3 วันที่ไม่ได้ทานเนื้อสัตว์เลย
เมื่อฉันทดลองไปปฎิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน 3 วัน 2 คืน : ก๋วยเตี๋ยวเห็ดรวมตุ๋น เครื่องอลังการมาก ทั้งผัก ทั้งเห็ด มาทั้งฟาร์มแบบจัดเต็ม
ราคาอาหารก็อยู่ในราคาปกติไม่ได้แพงเว่อร์วัง ก็เท่าๆ กับราคาข้างนอกปกติ
แต่มีร้านกาแฟอยู่เหมือนกัน มีน้ำผลไม้ปั่นไรงี้ด้วย ประมาณ 50-55 บาทต่อแก้ว
ส่วนรู้สึกก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร เมนูเน้นเห็ดเป็นส่วนใหญ่ อร่อยดี
พวกเผือก มัน ข้าวกล้อง อะไรงี้ มันก็อิ่มท้อง แถมมีประโยชน์ดี
ส่วนน้ำปานะมื้อเย็นก็มีบริการให้นะ เป็นพวกน้ำถั่วเขียว น้ำเต้าหู้ หรือถ้าอยากกินนมเปรี้ยว นมกล่องก็มีขาย
ตอนจะชำระเงินใดใด เขาก็ให้หยอดใส่ตู้ตามศรัทธา แต่ละเมนูมีราคาบอกชัดเจน
แต่ถ้าไม่อยากเสียเงินเขาก็มีข้าวฟรีแบบบุฟเฟต์ให้ตักทานกันเป็นมื้อๆ ปกติอยู่แล้ว
เมื่อฉันทดลองไปปฎิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน 3 วัน 2 คืน : ช่วงเช้ามีตักบาตรแม่ชีน้อย
เล่ามาซะยาว จะเห็นว่าชีวิตความเป็นอยู่ที่นี่ไม่ได้ยากลำบากอย่างที่คิด
จริงๆ เราว่าเสถียรธรรมเหมาะสำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นมาปฎิบัติธรรม มาลองใช้ชีวิตแบบปกติตามธรรมชาติของมนุษย์ดูบ้าง
เรื่องถือศีล 8 นี่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ไม่ได้เคร่งเหมือนวัดป่าตามต่างจังหวัด
แค่เพิ่มจากศีล 5 มาอีก 3 ข้อ
คือไม่ทานมื้อหลังยามวิกาล, ไม่ทาเครื่องประทินผิว งดแต่งหน้าทาครีม และเครื่องหอมทุกชนิด
และอันสุดท้ายไม่นอนในที่สูง หรือยัดนุ่นยัดสำลี ของจริงต้องนอนเสื่อค่ะ
เมื่อฉันทดลองไปปฎิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน 3 วัน 2 คืน : บริเวณธรรมะศาลา
อีกอย่างหนึ่งเราว่าที่เสถียรธรรมคอร์สที่เราไปลง คนค่อนข้างเยอะ ราวๆ 200 ชีวิต
มีคณะพยาบาลจากโรงพยาบาลสระบุรี พานศ. มาปฎิบัติธรรมด้วย ซึ่งบางคนก็ไม่ได้สมัครใจที่จะมาด้วย
มันทำให้บรรยากาศค่อนข้างแน่นขนัด และหาความสงบได้ยาก
ถ้าอยากมาอยู่อย่างเงียบๆ จริงๆ ตอนกรอกใบสมัครในเว็บเขาก็สามารถเลือกได้นะว่าต้องการอยู่แบบเงียบๆ แยกห้องงดสนทนากับผู้อื่นเลย
มาเรื่องที่พัก เรือนที่พักเราอยู่ลึกมากกกกกกกกกกก
กลางคืนนี่ต้องตั้งสติดีๆ ไม่งั้นหาเรือนพักไม่เจอ มืดด้วย ต้องมีไฟฉายเดินทาง (เปิดแฟลชจากมือถือเอา)
เมื่อฉันทดลองไปปฎิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน 3 วัน 2 คืน : แม่ชีน้อยมาร้องเพลงพร้อมท่าประกอบให้ดู น่ารักมาก
กิจกรรมที่นี้เรียกว่าแน่นอะ มีอะไรให้ทำตลอด
ช่วงปฎิทินกิจกรรมที่เป็นฟังธรรมะ เสวนาธรรม หรือทำสมาธิ
คอร์สเราคือ “อาณาปานสติ” จะเน้นเรื่องลมหายใจ
คอร์สจะฝึกให้เราหายใจเป็น อยู่กับลมหายใจมากขึ้น หายใจก็รู้ตัว หายใจออกก็รู้ ให้อยู่กับจิตขณะนั้นจริงๆ กับปัจจุบัน
เมื่อฉันทดลองไปปฎิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน 3 วัน 2 คืน : ช่วงอัดรายการพุทธสาวิกากับแม่ชีศันสนีย์
แต่รู้ไหมว่า เอาเข้าจริงมันยากมากนะ ที่จะอยู่กับปัจจุบันจริงๆ
ลองนั่งอยู่เฉยๆ สิแล้วไม่คิดอะไรเลย แบบนิ่งงงงเลยนะ
โดยปกติคนเราจะคิดอยู่ในหัวตลอดเวลาอยู่แล้ว
เราไม่เคยอยู่กับปัจจุบันเลย ในหัวมักวนคิดแต่เรื่องโน่นเรื่องนี้ เรื่องงาน เรื่องวันพรุ่งนี้ เรื่องที่กำลังจะมาถึง
แปปๆ ก็เอาละ นึกไปถึงอดีตที่เคยเป็นกังวล นึกถึงคนนั่นคนนี้
จิตเราไม่เคยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย
แม่ชีก็จะสอนเสมอว่า “ตัวอยู่นี่ ใจก็อยู่นี่นะ” ไม่ต้องเอาใจไปไว้ที่บ้าน หรือลอยไปอยู่เรื่องใดเรื่องอื่น
และวิธีการที่ทำให้เราไม่วกแวก แยกตัวกับใจไปอยู่คนละที่ ก็คือการดูลมหายใจตัวเอง
ควรฝึกให้เป็นคนที่หายใจเข้า/ออกลึกและช้า ร่างกายจะได้รับอนูออกซิเจนละเอียด ส่งผลให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้น
หลังจากจบคอร์สนี้ไปทำให้เราพึงระลึก จดจ่อกับลมหายใจมากขึ้น
เวลาเครียดๆ หรือวิตกกังวล ตื่นตะหนก เรามักจะลืมหายใจไปชั่วขณะ หรือหายใจออกแค่สั้น ๆ
ฉะนั้น เวลาดึงสติตัวเองได้ว่าฉันเครียดอยู่ ให้เตือนตัวเองว่า “หายใจเข้าลึก ๆ และ หายใจออกช้า ๆ”
เป็นการผ่อนคลายตัวเองแบบเร่งด่วน และง่ายที่สุดที่ทำได้ทันที
พอเรามีสมาธิจดจ่อกับลมหายใจมากขึ้น เรื่องอื่นๆ ก็มีสมาธิตามมาด้วย
จะเดิน จะยืน จะแปรงฟัน จะก้าวลงลิฟท์ เรามีสติอยู่ตลอดเวลา
เมื่อฉันทดลองไปปฎิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน 3 วัน 2 คืน : โยคะสมาธิตอนเช้าที่ลานสนามหญ้า
กิจกรรมอื่นๆ ที่เราชอบอีกก็น่าจะมีโยคะสมาธิตอนเช้ามืด
หลังทำวัตรเช้าราวๆ ตี 5 ครึ่งเสร็จก็จะมาโยคะที่สนามหญ้า
ปูแผ่นรองนอนรับออกซิเจนตอนเช้า มีแม่ชีมานำทำท่าโยคะ
อากาศดีมากกกกกกกกกกกกกกก มีนก กระรอก ยุง เสียงใบไม้ เสียงลม สุนทรีย์มาก
เมื่อฉันทดลองไปปฎิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน 3 วัน 2 คืน : นอนสมาธิ (หลับไปเลย55)
ปกติเราออกกำลังกายบ้างอยู่แล้ว มาที่นี่ก็ได้ท่าบริหารกายเพิ่มมาอีกไว้ทำตอนไปฟิตเนส
มีอีกหลายคอร์สที่เราว่าสนุกดี นั่งฟังได้เรื่อยๆ ถึงอากาศจะร้อน แต่เราก็ไม่ได้ร้อนใจอะไร
มีคอร์สจิตใต้สำนึก มีนักบำบัดจิตมาบรรยายให้ฟัง
เกี่ยวกับความสุข ความกลัว ที่ถูกฝังไว้ภายใต้จิตสำนึกเรา
พฤติกรรมหลายๆ อย่างที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กแล้วส่งผลต่อเราในปัจจุบัน
คอร์สเป็นระยะสั้นๆ บวกกับคนอื่น วิทยาการดูได้ไม่ทั่วถึง แต่เขาแค่บอกเทคนิคการกำจัดความกลัวให้
ว่าง ๆ ก็เอาไปใช้
ที่เราชอบคือ เขาแจกกระดาษให้ 1 แผ่น เขียนเหตุการณ์ที่เราจำได้ว่ามีความสุขที่สุด ลิสต์ออกมา 3 เหตุการณ์
เราเขียนไปว่า ตอนเราอาบน้ำเรามีความสุขมาก ฮ่า
เพื่อนที่ไปด้วยถามว่าฟางเขียนว่าไร พอมันรู้ก็อึ้งไปนิดนึง ว่า “แค่นี้เองเหรอ ความสุขฟาง”
“อื้อ สบายใจดีตอนอาบน้ำมันเย็นๆ เงียบๆ อยู่กับตัวเอง”
จริงๆ ความสุขมันง่ายนิดเดียว แค่เจอคนยิ้มให้เราก็มีความสุขแล้ว
พิม มาดาเคยบอกว่า
“(อ่านจากนิตยสาร a day bulletin ฉบับ ประเด็นช่วงที่สำคัญคือพิมเพิ่งผ่านการทำคีโมจากการป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะแรก ตัดออกมาเฉพาะใจความสำคัญๆ)”
“ช่วงก่อนที่จะป่วยเพื่อนชวนออกไปไหน แทบไม่อยากไปเลย แค่รถติดก็หงุดหงิดแล้ว เป็นคนขี้งอแง ทุกคนจะโอ๋ตลอดไม่ว่าจะเป็นทีมงาน หรือกับแม่พิมเองที่งอแงได้มากสุด”
“พอช่วงที่วิกฤตกับตัวเองต้องผ่านการทำคีโม ผมร่วงแทบทำใจรับไม่ได้ พิมบอกว่า กรี๊ดดังมากตอนผมร่วง ถึงจะทำใจไว้แล้วว่าต้องเจอแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงใจมันตกไปที่ตาตุ่มเลย”
“สุดท้ายก็ต้องยอมรับ และปล่อยวาง พอถึงคีโมครั้งสุดท้าย กลับมาบ้านปั๊ป พิมขับรถออกไปข้างนอกไปหาเพื่อนที่อยู่ที่โน่นที่นี่ ถึงรถจะติดก็ไม่เป็นไร ก็นั่งฟังเพลงในรถไป บางเพลงไม่ได้ฟังนานแล้วด้วย”
“ตอนเช้าตื่นมา แค่เดินออกไปสูดอากาศนอกบ้าน หายใจ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ได้ยินเสียงมอไซต์ที่วิ่งผ่านไป”
สามารถอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้จาก http://issuu.com/adaybulletin/docs/adb402/1?e=1091967/34636680
คล้ายว่าพิมจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น
เราว่ายิ่งโต ความสุขเรายิ่งยากขึ้น แพงขึ้น เงื่อนไขเยอะขึ้น
ถ้าเป็นตอนเด็กๆ มันง่ายกว่างี้ แค่ได้กินไอติมรสที่ชอบ แท่งละไม่กี่บาท เราก็ยิ้มมีความสุขแล้ว
แค่ดูการ์ตูนเราก็หัวเราะได้แบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะ
เมื่อฉันทดลองไปปฎิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน 3 วัน 2 คืน : ชั้นลอยด้านบน
ตัดกลับมาที่เสถียรธรรมสถาน
ที่นี่ไม่ได้สอนแค่เรื่องธรรมมะอย่างเดียว แต่การใช้ชีวิตให้ควบคู่ไปกับการกินอยู่หลับนอนให้สมดุลทั้งกายและใจ
มีคอร์สบรรยาย “ธรรมชาติบำบัด คอร์ส จังหวะชีวิต” (มีเวลาเข้าแค่แปปเดียว แต่ทำเอาน้ำตาซีมร้องไห้เลย)
เล่าให้ฟังก็คงไม่หมดง่าย ๆ
เอาเป็นว่า ถ้าใครมีวันหยุดว่างๆ ก็ลองสมัครไปปฎิบัติธรรมที่นี่ดู
แนะนำอย่างหนึ่งว่าอย่าไปฤดูร้อนเลย ร้อนเกิ๊นนน
ร่างกายปรับตัวไม่ทัน อาจป่วยได้
คิดว่าไปช่วงปลายฝนต้นหนาว น่าจะโอเค
ผลจากการไปครั้งนี้ กลับรู้สึกปล่อยวางได้มากขึ้น ยิ้มเยอะขึ้น มองโลกในแง่ดีมากกว่าเดิม
เพื่อนที่ทำงานบอกว่า เราดูสดใสขึ้นนะ :p
ธรรมมะสวัสดีค่ะ