หากพูดถึงเมืองยอดนิยมของแดนปลาดิบแล้ว คงหนีไม่พ้น โตเกียว โอซาก้า หรือภูมิภาคน้องใหม่ไฟแรง ‘คิวชู’ ถึงแม้ว่าชื่อ ‘ฮอกไกโด’ จะคุ้นชื่อคนไทยมานานแล้ว แต่ก็ยังมีหลายคนกล้าๆ กลัวๆ ที่จะไปเที่ยว ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะว่าคมนาคมยังไม่สะดวกเท่ากับตัวเมืองที่ได้รับความนิยมหลัก
แต่สถานที่ที่ยังมีอัตราส่วนความเจริญน้อยกว่าธรรมชาตินี่แหละ คือสวรรค์คือนักเดินทางที่ชอบความรักสงบ วันนี้จึงเป็นการแนะนำเที่ยวฮอกไกโดด้วยตัวเอง ด้วยการเช่ารถขับ ซึ่งการเที่ยวแบบนี้จะยืดหยุ่นและอิสระกว่าการโดยสารโดยรถสาธารณะ แถมยังสามารถชอนไชไปยังจุดต่าง ๆ ครอบคลุมกว่า โดยเฉพาะภูมิภาคที่มีทรัพยากรธรรมชาติสวยงามดั่งทองอย่างแดนฮอกไกโด แค่ได้ขับรถลัดเลาะไปตามเส้นทางก็คุ้มแล้ว
ว่าแต่ เช่ารถขับต่างประเทศจะง่ายดายอย่างที่คนอื่นเขาว่าจริงไหมนะ?
ใครเกิดคำถามขึ้นมาในใจแบบนี้ ลองลบคำว่า ‘ยาก’ ออกไปจากความคิด แล้วตามมาดูกันว่าคุ้มค่าแก่การไปทำใบขับขี่สากลหรือป่าว ถ้าพร้อมแล้วก็กดตั๋วจองลัดฟ้าไปฮอกไกโดไปเลย
เมื่อคิดเช่ารถขับในฮอกไกโดหรือภูมิภาคอื่นทั่วญี่ปุ่น
1. ทำใบขับขี่สากล
ได้ยินคำว่าใบขับขี่สากล หลายคนคิดว่าทำยากมาก ต้องสอบรึป่าว? เสียค่าใช้จ่ายเยอะมั้ย?
ขั้นตอนไม่ยาก เตรียมเงิน 505 บาท พร้อมเอกสารตามนี้
- สำเนาหนังสือเดิน (พร้อมฉบับจริง)
- สำเนาประจำตัวประชาชน (พร้อมฉบับจริง)
- สำเนาใบขับขี่รถส่วนบุคคล (พร้อมฉบับจริง)
- รูปถ่าย ขนาด 2 นิ้ว 2 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
จากนั้นนำเอกสารทั้งหมดไปยื่นที่ สนง.ขนส่งใกล้บ้านคุณ จ่ายค่าธรรมเนียม 505 บาท แล้วรอรับใบขับขี่ได้เลย จบ!
2. เลือกและจองรถยนต์ผ่านเว็บไซต์
มีบริษัทรถเช่ามากมายให้เลือกใช้บริการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาเรื่องสถาพรถ ราคา สถานที่รับ/คืนรถ ด้วย โดยเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมจากคนไทย คือ
เว็บไซต์ที่แนะนำเป็นบริษัทเช่ารถยนต์ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมเนื่องจากมีสถานที่รับ/คืนรถอยู่หลายจุดทั่วฮอกไกโดเลย โดย Nippon Rent A Cat จะเป็นเจ้าใหญ่สุด เนื่องจากมีรถให้เลือกเยอะ หลายขนาด หลายรุ่น แต่ละราคาก็สูงกว่าเจ้าอื่น ส่ง ToCool ราคาถูกกว่าเล็กน้อย
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
อย่าลืมให้ความสำคัญกับการวางแผนการเช่ารถ
หากเดินทางไปเที่ยวฮอกไกโดเป็นจำนวนหลายวัน การเช่ารถขับทุกวันอาจจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย และไม่ตอบโจทย์การเดินทางเสมอไป เพราะบางเมืองของฮอกไกโดนั่งรถไฟสะดวกกว่ามาก เช่น ซัปโปโร หรือฮาโกดาเตะ ฉะนั้นก่อนตัดสินใจจอง อย่าลืมคำนวนค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากค่าเช่ารถ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน และค่าที่จอดรถ เนื่องจากบางสถานที่ และบางโรมแรมอาจคิดค่าจอดรถด้วย ที่สำคัญคือค่าทางด่วน เพราะแพงมหาโหดจนเล่นเอาปาดเหงื่อได้เหมือนกันค่ะ
3. ขั้นตอนการจองและรับรถ
เมื่อเลือกได้แล้วว่าจะใช้บริการเช่ารถกับบริษัทใด ให้เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์เลือกรุ่นรถที่ต้องการ โดยเลือกให้เหมาะกับจำนวนคนนั่ง ควรเผื่อพื้นที่ไว้เก็บของหรือกระเป๋าเดินทาง จากนั้นกรอกแบบฟอร์ม ระบุวัน เวลา พร้อมสถานที่รับ/คืนรถ สามารถรับ/คืนรถต่างสถานที่ ต่างเมืองได้ แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
จากนั้นกรอกรายละเอียดของผู้จอง ระบุช่องทางติดต่อให้ชัดเจน เช่น เบอร์โทร อีเมล์ เมื่อกรอกครบแล้ว ระบบจะส่งอีเมล์ยืนยันการจองมา พิมพ์ใบยืนยันการจองไปยื่นที่สนง.ตอนรับรถ
ในวันรับรถให้แสดงใบยืนยันการจอง พร้อมใบขับขี่สากล และบัตรเครดิต พนักงานจะให้เซ็นต์เอกสาร พร้อมให้คู่มือต่างๆ เช่น วิธีการใช้งาน GPS การเติมน้ำมันว่าควรเติมแบบไหน รวมถึง MAPCODE ที่จะใช้ค้นหาพิกัดสถานที่ใน GPS หลังจากนั้นพนง.จะพาไปตรวจสอบรถยนต์ไปขั้นตอนนี้ควรตรวจสอบดูรอบคันรถให้ดี ว่ามีรอยอะไรหรือไม่ เพราะตอนนำรถมาคืน พนง.จะตรวจสอบรถอีกครั้ง หากมีรอยที่ไม่ได้ระบุหรือแจ้งไว้แต่แรก ต้องเสียค่าปรับในการทำให้รถเกิดความเสียหาย
และโดยปกติแล้วพนง.สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษพอได้ ซึ่งเพียงพอต่อการแนะนำวิธีการใช้รถยนต์เบื้องต้น แต่บางเมืองที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติน้อย พนง.จะสื่อสารไม่ได้ แต่ไม่เป็นปัญหา เพราะเขาจะให้คู่มือการใช้ภาษาอังกฤษมาให้ด้วยตอนรับรถ
- วิธีการใช้ GPS เพื่อค้นหาเส้นทาง
GPS ของญี่ปุ่นค่อนข้างมีความแม่นยำ แม้อาจจะมีบางสถานที่คลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่ก็ช่วนนำทางไม่ให้หลงได้ดีทีเดียว หลายคนกังวลเรื่องภาษาญี่ปุ่น แต่ GPS เกือบทุกตัวที่ติดอยู่ในรถเช่าสามารถปรับเป็นภาษาอังกฤษได้ - วิธีการเติมน้ำมัน
ปั้มน้ำมันในประเทศญี่ปุ่นมีอยู่ 2 ประเภท คือ ปั้มน้ำมันที่มีพนักงานบริการเหมือนไทย และปั๊มน้ำมันที่ต้องบริการตัวเอง ขอแนะนำปั๊มแบบแรกมากกว่า เพราะไม่ยุ่งยาก เพียงบอกประเภทน้ำมันที่ต้องการเติม และพูดว่า ‘มันตัง’ แปลว่า ‘เต็มถัง’ และรอจ่ายเงิน
สิ่งที่ต้องจำไว้ให้มั่นคืน ก่อนคืนรถทุกคืนต้องเติมน้ำมันให้เต็มถัง และต้องเติมให้ถูกประเภท โดยพนักงานจะแจ้งเรามาตั้งแต่ตอนรับรถว่า ต้องเติมน้ำมันประเภทอะไร ซึ่งรถเช่าในญี่ปุ่นใช้เครื่องยนต์แบบเบนซิน ฉะนั้น ต้องเติม ‘น้ำมันเบนซิน แบบธรรมดา’ โดยแจ้งกับพนง.ปั๊ม หรือหากเป็นปั๊มแบบบริการตัวเอง ต้องระวังอย่าเติมผิดหัวจ่าย โดยมีการแบ่งแยกประเภทน้ำมันตามสีของหัวจ่ายดังนี้- สีเขียว คือ น้ำมันดีเซล
- สีแดง คือ น้ำมันเบนซินแบบธรรมดา
- สีเหลือง คือ น้ำมันแบบซินแบบ ‘ไฮโอะคุ’ (น้ำมันที่มีค่าอ๊อกเทนสูง)
- เลือกใช้ทางด่วน ในเวลาที่ต้องการความเร่งด่วน
นักท่องเที่ยวที่มีแผนเที่ยวเร่งรัดอย่างเรา ‘เวลา’ คงเป็นสิ่งสำคัญสุด ฉะนั้นหากบริหารเวลาเดินทางได้ จะสามารถเพิ่มเวลาซึมซับบรรยากาศที่แดนปลาดิบได้อีกนาน ยิ่งเป็นการขับรถเที่ยวหากไม่หยุดแวะข้างทางนอกแผนที่ฮอกไกโดเลยคงเป็นคนใจแข็งงมาก เพราะทิวทัศน์งดงามขนาดนี้ การวางแผนเดินทางที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งจึงหนีไม่พ้นทางด่วน เพื่อย่นระยะเดินทางก่อนจะพูดถึงเรื่องวิธีการใช้ทางด่วน ขอบอกก่อนเลยว่า ‘ค่าทางด่วนที่ญี่ปุ่นแพงมหาโหด’ คิดให้ดีก่อนขึ้นทางด่วน ไม่เช่นงบปานปลายทั้งนี้เราสามารถเช็คอัตราค่าผ่านทางได้ก่อนที่
http://www.northern-road.jp/navi/eng/index.htm
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
ETC Card คืออะไร จำเป็นไหม?
สำหรับคนวางแผนขับรถทางไกลแล้วต้องขึ้นทางด่วน คงเคยได้ยินมาบ้าง ETC (Electonic Toll Collection System) คือ ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ หรือ Easy Pass ของบ้านเรา ไม่ต้องเสียเวลาจ่ายค่าผ่านทาง เพียงเข้าช่อง ETC Card ใส่บัตรแล้วผ่านได้เลย ค่อยมาชำระเงินตอนคืนรถทีหลัง ซึ่งปกติแล้วผู้ถือ ETC Card จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคารญี่ปุ่น แต่บริษัทเช่ารถหลายแห่งมีให้เช่า ซึ่งระบุขอเช่าได้ตั้งแต่กดจองรถ
และสำหรับนักท่องเที่ยว เขามีแพ็กเก็ตเหมาจ่ายเป็นรายวันด้วยนะ หากคำนวนแล้วว่ามีโอกาสใช้ทางด่วนเกินราคาที่ตั้งไว้ เลือกซื้อแบบนี้คุ้มกว่าแน่นอน
ตารางราคาเหมาจ่าย
- วิธีใช้ทางด่วนในฮอกไกโด
- 01 : ตรวจสอบเส้นทางให้แน่ใจว่าช่องเข้าทางด่วนอยู่ตรงไหน ทั้งนี้สามารถดูตามแผนที่ใน GPS หรือสังเกตป้ายทางด่วนระหว่างทาง
- 02 หากไม่มี ETC Card ระวังอย่าเข้าผิดช่อง ให้ขับไปช่องจ่ายเงินสดธรรมดา ส่วนคนที่เช่า ETC Card สามารถเข้าและใส่บัตรผ่านได้เลย
- 03 : กรณีเข้าช่องจ่ายเงินสดให้รับบัตรทางด่วนจากตู้จ่ายบัตรอัติโนมัติที่ติดตั้งไว้ และเก็บบัตรให้ดี อย่าหายเด็ดขาด เพราะต้องใช้ยื่นให้เจ้าหน้าที่เก็บค่าผ่านทางตอนขาออกจากทางด่วน
- 04 : เมื่อแน่ใจว่าถึงช่องทางออกไปยังจุดหมายปลายทางชะลอรถเพื่อทำการจ่ายเงินค่าทางด่วนกับเจ้าหน้าที่
- 05 : ยื่นใบทางด่วนที่รับมาตอนแรกให้เจ้าหน้าที่เก็บค่าผ่านทาง เขาจะแจ้งราคาให้ทราบ เราก็ชำระเงิน โดยจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิต JCB Card, NICOS Card, American Express Card, Dinners Club Vard, VISA Card, Master Card ได้
ปล. การเก็บค่าทางด่วนในเส้นทางของเมืองซัปโปโรมีความแตกต่างเล็กน้อย คือต้องชำระค่าธรรมเนียม 400 เยน ก่อน ตอนเข้าทางด่วนหนึ่งครั้ง แล้วจึงรับบัตรทางด่วนมา และไปชำระค่าทางด่วนอีกครั้งตอนออก เท่ากับว่าเราต้องชำระสองครั้ง!
เรียนรู้กฎจราจรแดนปลาดิบ
ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าขับขี่อยู่ประเทศใดก็ตาม ก่อนลงสนามจริงเรามาจำจำกฎของประเทศญี่ปุ่นที่ควรรู้กัน
- คนสำคัญที่สุด
ในเมืองไทยเราถูกสอนให้ระมัดระวังรถเวลาข้ามถนนหรือเดินบนทางเท้า แต่ที่ญี่ปุ่นรถต้องระวังคน หากเกิดอุบัติเหตุใดก็ตามกับคนเดินทาง ส่วนใหญ่ผู้ขับขี่ต้องเป็นฝ่ายผิดแทบทุกกรณี - ปฎิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
ไม่ต้องมองหาป้ายเลี้ยงซ้ายผ่านตลอด เพราะรถทุกคันต้องหยุดตามสัญญาณไฟ หากจะเลี้ยวซ้ายต้องรถไฟเขียวเท่านั้น - รถซ้ายเลี้ยวก่อน รถขวารอสักนิด
แม้ไม่มีป้ายเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด แต่รถที่ต้องการเลี้ยวซ้ายจะได้สิทธิ์ก่อน - สิงห์นักซิ่งอย่าเหยียบเพลิน ระวังเรื่องอัตราความเร็วด้วย
ตามกฎหมายญี่ปุ่น กำหนดไว้ 60 กิโลเมตร/ชม. บนถนนสายหลักและเขตชานเมือง ส่วนทางด่วนกำหนดไว้ที่ 100 กิโลเมตร/ชม ดังนั้นสังเกตป้ายจำกัดความเร็วบนถนนแต่ละพื้นที่ด้วย - หยุด เมื่อต้องการข้ามทางรถไฟ
หากคุณไม่หยุดรถก่อนข้าม จะถือว่าผิดกฎจราจร - เมาแล้วขับ ทั้งจำทั้งปรับ และทำจริงๆนะ
ประเทศไทยอาจมีหยวนๆ แต่หากใครดื่มก่อนขับที่ญี่ปุ่นและถูกจับเป่าแอลกอฮอล์ และโดนจับว่าคุณดื่มก่อนขับจริง อาจถูกจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 เยน อย่าทำเป็นเล่นไป - จอดในที่ให้จอดเท่านั้น
อย่าจอดรถซี้ซั่ว หากพลากไปจอด อาจเจอค่าปรับหูฉี่ซึ่งส่วนใหญ่ริมถนนทุกที่ไม่สามารถรถดับเครื่องได้เหมือนไทย เว้นกรณีจอดไม่นาน เช่น ส่งคน แวะซื้อของ ทั้งนี้ดูความเหมาะสมด้วย หากจอดนานให้ใช้บริการที่จอดรถหยอดมิเตอร์เหรียญ ลาดจอดหรือในอาคารดีกว่า - คาดเข็มขัดนิรภัย ถึงแม้จะนั่งเบาะหลังก็ตาม
ผู้ขับขี่รวมถึงผู้โดยสารทุกคนจะต้องคาดเข็ดขัดนิรภัย รวมถึงคนที่นั่งเบาะหลัง กรณีมีเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ควรเช่าที่นั่งสำหรับเด็กเพิ่ม โดยแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่ตอนจอง ทั้งนี้ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับเด็กด้วย
เอาละ เมื่อรถพร้อมแล้ว คนก็พร้อมแล้ว
อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยกันแล้วออกไปเที่ยวฮอกโกไดกัน
BIEI
บิเอะมีชื่อเสียงเรื่องทิวทัศน์อันกว้างใหญ่
โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ทั่วทั้งเมืองจะกลายเป็นทุ่งสีทองอร่าม
กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ถนนที่ทอดยาวดูเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด
เปรียบเสมือนเสน่หฺของเมืองที่ยั่วใจให้สิงห์นักเที่ยวหลายคนมาเหยียบคันเร่งไปตามเส้นทาง
ที่เต็มไปด้วยความสวยงามสักครั้ง
โดยถนนที่ในเมืองบิเอะจะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ
Patchwork Road และ Panorama Road ซึ่งทิวทัศน์ไม่ต่างกันมากนัก
ต่างเพียงสถานที่ท่องเที่ยว และจุดชมวิวที่มีเสน่ห์ดึงดูดให้อดหยุดรถไปเก็บภาพความประทับใจไม่ได้
Abashiri
พื้นที่ห่างไกลอย่างอะบาชิริอาจไม่คุ้นหูนักท่องเที่ยวเท่าไหร่นัก
แต่ทุกช่วงฤดูกาลแห่งความหนาวเหน็บที่เกร็ดหิมะมาเยือน
เมืองเล็กแห่งนี้จะป๊อปปูล่าขึ้นทันตา
เนื่องจากอยู่เลียบชายทะเลโอค็อตซึ่งมีผืนน้ำจับตัวเป็นแผ่นน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาว
ไฮไลท์คือการนั่งเรือตัดน้ำแข็งออกไปสัมผัสอุณหภูมิติดลบ
พร้อมชมบรรยากาศความสวยงามของเหมันตฤดู
- Abashiri Prison Museum เพราะเป็นพื้นที่ห่างไกล และรกร้างมากในสมัยก่อน
อะบาชิริจึงเคยถูกใช้เป็นสถานที่กุมขังนักโทษ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใช้เตือนใจว่าอิสรภาพนั่งต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดเพียงใด
Shiretoko
หากฮอกไกโดเปรียบเสมือนกล่องของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้
ชิเรโตะก็เปรี้ยบเสมือนของขวัญที่อยู่ในกล่องใบนั้น
หากไม่เปิดดูก็ไม่มีโอกาสเซอร์ไพรส์ อุทยานแห่งชาตินี้มีอาณาเขตกว้างใหญ่
ครอบคลุมพื้นที่ของคาบสมุทรชิเรโตโกะ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ปลายสุดทางตะวันออกของเกาะ
หรือจะเรียกว่าเป็นแดนอีสานแห่งฮอกไกโดก็ได้
คำว่า “Shiretoko” เป็นภาษาไอนุ แปลว่า “จุดสุดขอบโลก”
ที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ของธรรมชาติมากมาย
อุดมสมบูรณ์จนกระทั่งสามารถพบเห็นสัตว์ เช่น จิ้งจอก หรือกวาง
เดินผ่านหน้ารถคุณได้เลย ฉะนั้นถ้าคุณเป็นคนรักธรรมชาติ
หากได้มาขับรถเล่นที่นี้สักวันรับรองคลั่งตาย!
Noboribetsu
ถ้ายังไม่รู้ว่าของดีเมืองฮอกไกโดคืออะไร เราจะบอกให้ว่า “ออนเซ็น” นั่นไง
ฮอกไกโดเป็นอีกหนึ่งแหล่งออนเซ็นที่มีชื่อเสียง
แม้จะมีบ่อน้ำแร่ให้ลงมาแช่มากมายทั่วญี่ปุ่น
แต่การได้แช่ออนเซ็นท่ามกลางธรรมชาติของเกาะฮอกไกโดอย่าง “โนโบริเบสึ”
ที่สามารถหย่อนแช่เท้าสปาออนเซ็นท่ามกลางธรรมชาติป่าเขาได้หรี
พร้อมเดินชมความยิ่งใหญ่ของหุบเขานรกจิโกคุดามิ
และนอนพักต่อที่ในเรียวกังที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมญี่ปุ่นแท้แบบดั้งเดิม
Related posts:
Comments
comments