น้ำตบรำข้าวหอมมะลิ la alla แบรนด์ไทย ฟื้นฟูบำรุงหน้าให้ใส ในราคาหลักร้อย

fangrio

5 years ago

สืบเนื่องมาจากที่น้ำตบป้าเจี๊ยบ หรือ SK II อันโด่งดังใกล้จะหมดขวดแล้ว
หลังจากใช้มา 2 ขวดเต็มๆ ก็รู้สึกว่าหยุดใช้ไม่ได้แล้วนะ
แต่เงินในกระเป๋าก็ไม่ค่อยเอื้ออำนวยมากนัก
เพราะราคาน้ำตบเอสเซนส์ของแบรนด์นี้สูงเป็นปกติอยู่แล้ว
แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือดีต่อผิวหน้าเราในระยะยาว จึงคุ้มที่จะลงทุน

เราเลยสืบเสาะหาในห้องเครื่องแป้ง
แล้วก็ตามเว็บว่ามีรีวิวน้ำตบตัวไหนบ้าง
ที่สามารถใช้ทดแทนกันได้ แล้วก็ราคาน่ารักกับกระเป๋าและงบประมาณใช้ช่วงนี้ด้วยนะ
จนไปเจอน้ำจบแบรนด์ไทย ชื่อลาออร่า LA ALLA ค่ะ
ขนาด 30 ml. ราคาแค่ 690 บาท

ก็เริ่มหวั่นๆใจแล้วว่าเอ๋…จะใช้ดีมั้ย จะแพ้รึป่าว?
อ่านไปอ่านมาก็ได้ความสรุปว่า
‘Made In Thailand’ ของจริง
แบรนด์มุ่งมั่นในการวิจัยร่วมกับมหาลัยเกษตรศาสตร์ในการคิดค้นสารสกัดที่หาได้จากบ้านเรา คือ โปรตีนรำข้าวหอมมะลิของไทย
ที่ขึ้นชื่อว่าไทยเรามีสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก
ด้าน SK II เองก็ใช้วิธีหมักเอสเซ้นส์ที่ได้จะพิทเทร่าใช่มั้ยคะ
เจ้าของแบรนด์ LA ALLA เขามีพยายามที่จะทำผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบที่มีอยู่แล้ว
ไม่ต้องนำเข้า และมีประโยชน์ในราคาที่จับต้องได้

จึงได้สูตรเฉพาะที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อลดเลือนริ้วรอยให้ผิวดูอ่อนวัย
ด้วยสารบำรุงผิวธรรมชาติ 86% จาก Miracle of Jasmine Rice
นางเอกของเราคือ Rice โปรตีนรำข้าวหอมมะลิ
ผสมผสานสารบำรุงผิวธรรมชาติ ทำหน้าที่ในการกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน
ช่วยลดเลือนริ้วรอย ปกป้องผิวจากมลภาวะที่เป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยผิวหมองคล้ำและผิวหย่อนคล้อย ทำให้ผิวดูกระจ่างใสสุขภาพผิวดี เส้นริ้วรอยแลดูลดลงผิวชุ่มชื่นขึ้น ซึ่งนี่คือสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องการอยู่แล้ว

มาแกะกล่องรีวิวกันดีกว่าค่ะ

เปิดกล่องมาจะเจอคู่มือตัวผลิตภัณฑ์ให้อ่านที่มาที่ไป สรรพคุณต่าง ๆ บอกเล่าถึงงานวิจัยของแบรนด์ ว่าผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนังจากสถาบัน Dermscan Asia เป็นสูตร Hypoallergenic ซึ่งปลอดภัยแน่นอน

ตัวที่เราได้มาหมดอายุปี 2020
เปิดแล้วต้องใช้ให้หมดภายใน 24 เดือนนะคะ ตามที่ใต้กล่องระบุไว้

ด้านฝาหรือตัวกระปุกจะเป็นหัวแบบ Dropper
คือกดเพื่อดูดเอาน้ำเอสเซ้นส์เข้าไปที่หลอดแก้ว แล้วปล่อยออกตอนหยอดใส่สำลี หรือฝ่ามือก็ได้ค่ะ แล้วแต่สะดวกทำให้ใช้งานได้ง่าย ไม่กลัวเลอะหรือจำกัดปริมาณการใช้ได้ในแต่ละครั้งด้วย ไม่เหมือน SK II ที่ชอบหกเลอะ กระจายไปทั่วถ้าไม่ระมัดระวัง

เปิดฝาดูสักหน่อย ~
สีน้ำตบจะเป็นสีออกเหลืองนวล ๆ นะคะ และกลิ่นก็คล้ายข้าวหมักหอมๆ ไม่ฉุนและแรงเท่า SK II ใครเคยใช้จะรู้ว่ากลิ่นนางไม่น่ารักเท่าไหร่ ต้องยอมดมไป แต่ตัว LA ALLA ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นค่ะ เบาบาง หอมจางจากสารสกัดจากธรรมชาติ

ลองหยดใส่ฝามือ เพื่อดูการซึมเข้าสู่ผิว
ความรู้สึกเราของมันชุ่มชื้นกว่าตัว SK II มากๆเลย
หยดแล้วลูบปั๊ปคือเนื้อไม่หนักไม่มัน แต่ซึมช้ากว่า SK II นะ

แต่พอซึมเข้าผิว แทบไม่เห็นความแตกต่างระหว่างข้างที่หยดและไม่ได้หยดด้วยตาเปล่า แต่ผิวชุ่มชื้นขึ้นทันทีเลย ไม่เหนอะผิว

เราใช้แทนน้ำตบป้าเจี๊ยบไปเลย ในตอนเช้า และก่อนเข้านอน
โดยก่อนลงก็เช็ดด้วยโทนเนอร์ต่อ แล้วก็ใช้น้ำตบ LA ALLA
ต่อตามด้วยครีมเซรั่มตัวอื่นตามปกติ รู้สึกว่าโอเคเลยนะ ใช้แทนกันได้ดี
ไม่มีปัญหาเรื่องแพ้ ระคายเคือง
ชอบตรงที่มีจากโปรตีนรำข้าวหอมมะลิของไทย มี Saccharomyces
ช่วยทำให้ผิวกระชับขึ้นและลดริ้วรอย

มี Bifida Ferment Lysate เพิ่มความชุ่มชื่นกระจ่างใสมีสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ไฮยาลูโรนิค ชะเอมเทศ ให้ความชุ่มชื่นมีสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ สารสกัดจากใบแปะก๊วย ผลทับทิม มัลเบอรี่ ผลฟิกซ์ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีสารกันเสียพาราเบน มันธรรมชาติอ่ะแกชั้นชอบบบบบบ! หน้าอิ่มฟู แล้วก็ดูกระจ่างใสขึ้นนิดนึงด้วย เหมือนกับว่าใช้น้ำตบป้าเจี๊ยบมานานแล้วผิวมันชิน รู้สึกเฉยๆ ไม่ดีไม่แย่

บอกเลยว่าถ้าหมดขวดนี้ถ้างบของไม่เยอะ
ก็อยากจะซื้อตุนไว้ต่อเพราะมันดีงาม ราคามิตรภาพด้วย

ทีแรกก็กล้า ๆ กลัว ๆ นะเพราะเราเป็นคนไม่ชอบเปลี่ยนสกินแคร์
เพราะหน้าถูกโฉลกกับอันนี้ก็จะใช้อันนี้ยาวๆไม่ค่อยเปลี่ยน
หาข้อมูลตามเพจ ติดตามรีวิวอยู่พักนึง ก็นั่นแหละ คุณภาพเกินราคา แถมหน้าฟูขึ้นด้วย

เราอยากให้รู้ว่าแบรนด์ของไทยคุณภาพดี
ช่วยกันสนับสนุนหน่อยนะ ใครมองหาเอสเซ้นส์คุณภาพดี ราคาสบายกระเป๋า

ช่วยดูแลผิวให้ผิวอ่อนเยาว์สุขภาพดี เติมความชุ่มชื้นให้เพียงพอ ปัญหาริ้วรอย ขาดน้ำ หน้าหมองคล้ำดูโทรมจะหมดไป เปิดใจลองแบรนด์นี้เลยค่ะ
✔ใครไม่สะดวกไปงานสั่งซื้อผ่านออนไลน์ได้เลยคะ