fangrio

เรื่องเล่าของการรับปริญญาครั้งแรกในชีวิต My Graduation Ceremony

ก่อนใกล้จะถึง งานรับปริญญา มีคนบอกว่า

“This is the beginning of anything you dream of”
22 ปีที่ผ่านมานี่เราฟันฝ่าการร่ำเรียนมาหนักหนาสาหัสกันมาก
นึกภาพย้อนไปตั้งแต่อนุบาล จวบจบมหาลัย ก็ราวๆ 18-19 ปี

พ่อแม่หมดเงินกับค่าเทอม ค่ากิน ค่าปรนเปรอเราเสียหายหลายแสนล้าน
การมีลูกแล้วต้องส่งมันเรียนจนจบมหาลัยนี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
(ใครคิดจะมีลูกก็คิดยาว ๆ กันได้เลย) ควรวางแผนกันตั้งแต่วันนี้เลย

มหาวิทยาลัยที่เราเรียนจบมาคือ ม.พระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT)
ในนามของบัณฑิตจบใหม่จาก  คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ  IT#17  ๒๕๕๗

ชีวิตหลังเรียนจบ ก็..
โอ้วววโหยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  😯 
ช่วงที่รอเข้าไปทำงานนี่ สวรรค์สุด กินๆนอนๆอยู่บ้าน ดูซีรีย์ ฟังเพลง เขียนบล็อก ทำอาหาร คุยกับหมา ตื่นบ่าย นอนโต้รุ่ง แชทกระจาย เสพความบันเทิงแบบ non-stop

แต่พอกลายสภาพเป็นมนุษย์เงินเดือนปั๊ป
ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยค่ะ
ของจริง

บู๊สุด

ต้องรับผิดชอบตัวเองแบบจริงจังในหลาย ๆ ด้าน
โดยเฉพาะเรื่องเงิน ค่าใช้จ่าย
รับปริญญาคือเป็นพิธีการที่โคตรวุ่นวาย และเสียตังค์เยอะมากกกกกก
ไล่ตั้งแต่

แนะนำว่าให้ไปตัดตั้งแต่เนิ่น ช่วงเกือบจะเรียนจบนั่นแหละรีบไปตัดเลย คิวยาวเยอะกว่าจะได้ก็เป็นเดือนอ่ะแก แล้วยิ่งทำงานแล้วหาเวลาไปเสาร์ทิตย์นี่โคตรกระอักกระอ่วนจะไปเลย ที่สำคัญคือมันไกล รถไฟฟ้าหรือใต้ดินอะไรก็ไม่ไปไม่ถึง นี่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมร้านตัดเช่าครุยมันต้องรวม ๆ กันอยู่แถวท่าพระจันทร์ ปิ่นเกล้า เดินทางลำบากอ่ะ นี่อยู่สุขุมวิท (โวยวาย)

 ชุดที่ 1  ราคาโดยประมาณ 1,900 บาท
ชุดที่ 2 ราคาโดยประมาณ 2,600 บาท
ชุดที่ 3  ราคาโดยประมาณ 2,800 บาท
ชุดที่ 4 ราคาโดยประมาณ 3,000 บาท
ชุดที่ 5 ราคาโดยประมาณ 3,800 บาท
ชุดที่ 6  ราคาโดยประมาณ 3,900 บาท
ชุดที่ 7 ราคาโดยประมาณ 4,000 บาท

*ถ้าภาพหมู่เอาแบบไม่ใส่กรอบ ราคาก็จะลดลงอีกนิดหน่อยค่ะ*

(ราคา อ้างอิงปีการศึกษา 2555)

เห็นราคาแล้วรีบไปฟ้องแม่เลย ขอเงินโหน่ยยยยยย T-T

มาไล่ Timeline ทั้งหมดให้ฟังง

 

เสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2558 วันถ่ายรูปหมู่ของบัณฑิตที่จบปีการศึกษา 2557 

ร่วมกับอาจารย์ประจำแต่ละภาค และเป็นวันปัจฉิมนิเทศของคณะไอที ด้วย
สัปดาห์นี้หมดไปกับการใช้ร่างกายและสมองอย่างคุ้มค่าอาจลามปามไปจนถึงขั้นสิ้นเปลือง ไฟในร่างกายหมดไปกับการทำงาน 5 วันติดแถมเป็นวีคที่ประชุมทุกวัน เป็นการประชุมที่ดูดพลังงานและเต็มไปด้วยการทะเลาะตบตีกันตามธรรมชาติของห้องประชุม คือแบบเหนื่อยมากกกกกกกกกก ขนาดนี่เป็นแค่จูเนียร์ยังสงสารพี่ซีเนียร์ที่ต้องไปไฟท์กับ User อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง บวกกับก่อนถึงวันเสาร์ที่ 7 ดันกรรมซัดอาหารเป็นพิษ คลื่นไส้อาเจียนไปรัวรัวแบบหมดสภาพ แต่ด้วยความแกร่งกล้าก็ไม่ Sick Leave นะฮะ  แต่ก็ไปทำงานด้วยการคอสเพลย์เป็นซอมบี้ แน่นอนว่าพอถึงวันเสาร์ แม่ง..ไม่อยากจะตื่นไปมอเลย งอแง เบอร์อะไรก็กดมาให้หมด ถึงขั้นคิดว่า ไม่อยากรับปริญญาแล้วอะ ไม่อยากไป เหนื่อยไม่ไปได้ไหม (แม่) เมื่อไหร่จะถึงวันเสาร์อยากนอนพัก ฯลฯ บ่นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แต่สุดท้ายก็ตื่นตี 3.30 อาบน้ำแต่งตัว แต่งหน้าเองด้วยนะ ท่อสังขาร
เรียก GrapTaxi ไปมอ ออกจากคอนโด 6.00 ถึง 6.45 เร็วไปอี๊ก
รถไม่ติดเลยแต่คือก็ดีแล้ว ขนาดไม่ติดก็โดนไป 200 บาทสำหรับค่าแท็กซี่ พอถึงมอ
ผมก็ไปให้เพื่อนทำให้
ขอบคุณอีฟมากที่ถักเปียตีลังกากลายเป็นรูปดอกไม้แปะอยู่บนหัวด้านซ้ายให้อย่างสวยงาม
ทำให้ลุคดูมีซัมธิงพิเศษขึ้น ไม่งั้นคงสภาพเหมือนคนแต่งหน้าทำผมไปทำงานปกติอะ

มหาลัยแจกบัตร MK, ยาโยอิมาให้ด้วยแหละ ไม่รู้ว่าไปเป็น partner กันตอนไหนแหะ

คณะไอทีเขาให้ถ่ายรูปหมู่เป็นคณะแรก นัดบัณฑิตมาตั้งแต่ 7.45 พอ 8.00 โมงก็ขึ้นโรงยิม
เจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานนม สวยๆหล่อๆกันทั้งนั้น อากาศก็ร้อนแต่ยันไม่พีคเท่าตอนเที่ยง
เขาให้ยืนเรียงกันตามลำดับไหล่ ป.ตรี ป.โทถ่ายรูปรวมกันหมดเลยทั้งคณะ
ค้นพบว่าเด็กป.โทที่ภาคจบเยอะมากกกกกกกกกกกกกก คณะนี่สนับสนุนและโด่งดังป.โทมากสินะ เทียบกับป.ตรีนี่จิ๋มเลย

อยากเห็นรูปแล้วอ่ะ  เดี๋ยวถ้าได้จะเอามาแปะ
(ตลกตรงรู้สึกว่าถ่ายรูปหมู่ทีไรจะได้ยืนข้างๆเอยทุกที เอยยยยย >< สงสัยตัวเท่ากัน)

พอถ่ายรูปเสร็จ ก็เดินไปที่คณะ เข้าพิธีปัจฉิมฯ
4 ปีที่เรียนมารู้สึกโอเคแทบจะทุกครั้งที่คณะจัดกิจกรรมให้ จัดได้ประทับใจดีค่ะ
มีการกล่าวสุนทรพจน์วันรับปริญญา (commencement speech) จากตัวแทนสาขาวิชาต่าง ๆ


บางคนก็พูดได้ดี แต่ส่วนมากจะมีสคริปต์เตรียมกันมา แต่เราชอบตอนที่พูดสดมากกว่า ดูธรรมชาติดี
โดยรวมแล้ว จะได้เนื้อหาสาระประมาณว่า

พวกเราจบมาเป็นบัณฑิตแล้วจะนำความรู้ ประสบการณ์ที่เรียนมาหลายปี
ทำให้สังคมดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง เราจะทำให้เกินการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีจากตัวเรา ทำให้ใบปริญญาที่เราได้รับมานั้นเพิ่มมูลค่าขึ้นในทุกๆวัน การเอาชนะความยากด้วยความอยากที่จะทำอยากที่จะเรียนรู้กับมันก่อน ฯลฯ

คือเด็กป.เอก ป.โทจะนั่งแถวหน้า ป.ตรีซนๆหน่อยก็ได้นั่งแถวหลัง
สังเกตุว่าแบบ..เพื่อนเรามันยุกยิกไปหมด ภาวะการควบคุมตัวเองจะไม่นิ่งเท่าพี่ป.โท ป.เอก
หรืออาจเป็นเพราะไม่ได้กับเพื่อนนานมันเลยแบบ active ไปหมด (แต่ก็ไปนอยด์ซะงั้น)

เอ่อ ชอบตรงที่น้องๆ มาร้องแหละ ขอบคุณที่รักกันนะ 🙂

พอปัจฉิมเสร็จก็เดินกลับไปที่คณะ แจกข้าวกล่องที่ นี่ก็เดินขึ้นไปกินที่ชั้น 4 (ย้ำตรงคำว่าเดิน คือลิฟท์คนเต็มเลยค่ะ)


เป็นข้าวกล่องของ Puff & Pie การบินไทย
ในนั้นจะมีข้าวหมกไก่ พร้อมน้ำจิ้ม สลัด พายลูกตาล น้ำผลไม้รวม
ที่คลั่งไคล้แล้วอร่อยแบบพลีกายถวายชีวิต คือ พายลูกตาล
เกิดมาไม่เคยกินพายที่อร่อยกำลังดี เนื้อเยอะเต็มคำขนาดนี้มาเกิด  เอาไป 10/10

พอทานอาหารกันเสร็จ
ก็ออกไปถ่ายรูปร่วมกับเพื่อนพี่น้อง ร้อนมาก เหนื่อยมาก
การนัดถ่ายรูปร่วมกับสายรหัสเนี่ยยยยยะะะะ ฮ่า กว่าคนจะครบซึ่งมันก็ไม่เคยครบจริงๆหรอก
เท้าพังแล้วพังอีก เมื่อยค่ะ

ขอบคุณทุกคนเลยนะคะ สำหรับของทุกชิ้นทั้งหลายแหล่ที่เอามาให้ กุ๊กกิ๊กสุด ><

แอบเขินมากกกกกกกกกจนหน้าบวมในบางรูป  ดีใจมากที่ได้ถ่ายรูปด้วยค่ะ

 

อาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2558 : วันซ้อมย่อย ที่มอ

มอนัด 8.00 ซ้อมย่อยคณะไอทีกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ ไปยืนตั้งแถวรอตรงชั้นลอยโรงยิม คือร้อนดีอะ
พอขึ้นไปบรรยากาศให้อารมณ์เหมือนประชุมเชียร์ (ฮ่า) มีพี่ว้ากกก ซึ่งเป็นอาจารย์จากภาควิชาคณะศาสตร์ ชื่อจารย์ยะ ดุจริง เอะอะฟาด เอะอะฟาด
มันจะมีศัพท์แปลกๆ เช่น ก้าวให้ถึงจุด ไม่เอางาน 1-2ชิด เดินชิดจุด ฯลฯ
วันนี้เป็นวันที่ดีอีกวันนึง ได้เจอคนที่ไม่ได้เจอกันเป็นปี ได้เห็นว่าเราเรียนจบมาพร้อมกับเพื่อนแล้วจะได้เข้าสู่พิธีรับปริญญากันจริงๆแล้ว แอบหลายๆคนเปลี่ยนไปจากเดิมไปในทางที่โตขึ้น กลิ่นเห็นความเป็นผู้ใหญ่มันเป็นงี้นี้เอง

กว่าจะเลิกซ้อมก็ 12.00 ภาคบ่ายก็มีพวกคณะวิทยา กับครุมาซ้อมต่อ
เดินกลับไปใช้ชีวิตในห้องข้างลิฟท์ต่อ คิดว่าวันนั้นน่าจะเป็นการนั่งคุยกับเพื่อนในห้องนั้นเป็นครั้งสุดท้ายละ โอกาสที่จะได้กลับมารวมๆกันงั้นอีกคงยากที่จะมี พอซ้อมเสร็จ ก็เรียก grabtaxi เหมือนเดิมกลับคอนโด ยังไม่เหนื่อยพอ โบกวินไปบีทีเอสไปเกตเวย์เอกมัยต่อให้ร่างพังละเอียด
(ขอบคุณพี่มายด์มากมายก่ายกองที่พาไปเลี้ยงมื้อเย็นนั่งปรับทุกข์บำรุงสุข สภาพฟางแม่งดูไม่ได้เลยวันนั้น แต่ยังอุส่าห์ลากพาเดินตะลอนๆๆเกือบโล ประดุจว่าทั้งวันไม่มีไรการทรมาณร่างกายเกิดขึ้นเลอ เมื่อยสัส แถมยังขับรถกลับมาส่งที่คอนโดตอนตี 3 กลับมาแต่งหน้าให้ทันวันซ้อมใหญ่รุ่งขึ้น เฮ้อพีคมากจีจีโลย มอบโล่พี่ดีเด่น 😆 😆 )

จันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2558 : วันซ้อมใหญ่ที่ไบเทค
ความเหนื่อยล้า ต้องถูกกลบด้วยเครื่องสำอาง
ถึงหน้าจะดูไม่ได้นอนมาหนักหน่วงขนาดไหน
แต่วันนี้ต้องสู้นะคะ โชคดีที่คอนโดอยู่ใกล้ไบเทคบางนา นั่งบีทีเอสไป 2 สถานีถึงเลย
นัดกับเพื่อนที่อยู่แถวอ่อนนุชไว้ 7:15 บีทีเอสบางนา
8.00 เขานัดตั้งแถว load บัณฑิตเข้าหอประชุมใหญ่
แต่กว่าจะเดินไปทางฮอลล์ด้านในไบเทคก็นะ เกือบ 7.35 คนก็เยอะวุ่นวายไปหมด

อาจารย์ก็ยังดุเหมือนเดิม แต่ชอบอ่ะ ตลก นี่ขำอยู่คนเดียว
จารย์ชอบเล่าให้มันขำ เช่น แนะนำให้บัณฑิตไปใส่แพมเพิร์ทแล้วไปฝึกฉี่เล็งทิศซ้ายขวาบนล่างดูนะฮะ :p

บรรยากาศการซ้อมไม่ได้ตึงเครียดเท่าไหร่
อาจเป็นเพราะโดนดุกันแบบหนักหน่วงว่าคุณต้องทำให้ดีนะ
ไม่งั้นโดนซ่อมแน่ๆ สืบมาจากปีที่แล้วคือเลิกซ้อมเกือบ 3-4 ทุ่ม (แม่เจ้า)
นั่งเม้าท์กับเพื่อนที่เลขที่ติดกันไปเรื่อยเปื่อย บางคนก็เตรียมหมอนรองคอ ขนมนมเนยมาพร้อม
แต่โชคดีด้วยความร่วมมือของทุกคณะ ผลการซ้อมใหญ่เป็นที่น่าพึงพอใจ
เลยเสร็จราวๆ 6 โมงเย็น หิวกระหายเบอร์สุด
ไปกินชาบูชิกับเพื่อที่ major sukhumvit ตลกตรงแบกรองเท้าคัทชู ชุดครุย
หนังสืออนุสรณ์บัณฑิต 2557 เล่มหนาและหนักมากกก บ้าหอบฟางจัง ถือที่นึงนี้แขนอ่อนเลยค่ะ
พอเข้าไปในร้าน พนักงานมันคงสงสารเลยจัดแจงขออสาสาเอาครุยไปเก็บหลังเคาเตอร์ร้านให้ ฮ่า
กินไปเยอะมากกกก เพราะทั้งวันไม่กล้ากินเยอะ กลัวปวดอีระหว่างซ้อมง่ะ
เสร็จกลับห้อง พรุ่งนี้ได้ลางานหยุดไปอีกหนึ่งวัน ก็นอนตื่นสายได้ยาวๆ

(เข้าสู่อังคารที่ 10 พฤศจิกา)

แต่ยาวมากไม่ได้อีก ทั้งเพื่อน ทั้งแม่ ทั้งพี่ ทั้งหลาน
จะแห่มาคอนโดตอนเช้านี่ก็ต้องรีบตื่นมาเก็บข้าวเก็บของอี๊ก จัดการเรื่องที่พักโรงแรม จัดการตัวเอง
เรียกได้ว่าไม่ได้พักเลยอ ตกเที่ยงไปเช็คอิน เสร็จพาแม่ไปเอ็มควอเทียร์ ไปชิดลมเอาบัตรจอดรถที่เพื่อน จริงอีกอย่างคือต้องไปเอาบัตรปชช.ที่คอนโดพี่อีก แต่สุดท้ายตัดใจไม่เอาก็ได้วะ บอกเขาทำหายละกัน ถ้าพรุ่งนี้รับจริงเขาจะตรวจ  (แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตรวจหรอก)

 

พุธที่ 11 พฤศจิกายน : วันรับจริงที่ไบเทค บางนา 

ตื่นตี 3 เรียกแท็กซี่พร้อมเพื่อนไปแต่งหน้าที่ร้านแถวนั้น 6 โมงเสร็จ นั่งบีทีเอสไปบางนา
จ้างช่างภาพไว้ให้มา 7.00 พี่แกก็ตรงเวลาดีมาก น่ารัก ><
ข้าวอะไรก็ไม่ได้กินอะ กินขนมจีบกุ้งกับโยเกิร์ตมะม่วงไปนิดหน่อย แล้วพี่ก็ลากไปถ่ายยัน 10.20
พอ 10.30 นัดตั้งแถวบัณฑิต เข้าสู่ช่วงพิธีการเชิญพระมหาพิชัยมงกุฎมา ชอบวงคอรัสโดยเฉพาะเพลงลูกจอม หลายคนคงคิดเหมือนเราอะ ว่าฟังกี่ทีก็รู้สึกดี ยิ่งร้องสด ยิ่งอินไปแปปนึง จนเพื่อนติดเพลงฮัมมันทั้งวันลูกพระจอมเนี้ย ปรบมือให้เลอค่ะ
กำหนดการพระเทพฯ จะเสด็จมาตอน 13.00 ก็ตรงเวลาดีค่ะ คือคิดว่ากำหนดการเป็นไปตามแผนดีมาก ท่านพักคือช่วงเดียวด้วยตอนรับจริงประมาณ 5-10 นาที รับเสร็จก็ราวๆ น่าจะ 16.30 มั้งไม่มีนาฬิกาอะ
ได้ยินจากเพื่อนมออื่นว่าถ้ารับกับท่านอื่น อาจจะไม่ได้เร็วขนาดนี้ ถือว่ามอเรานั้นโชคดีแล้วว

ตอนขึ้นไปรับจริง ตื่นเต้นมาก หูดับไม่ได้ยินเสียงชื่อตัวเองหรอก
คิดแค่ว่าอย่าทำใบปริญญาหล่นละกัน สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี
แต่ท่าต้องไม่สวยแน่ๆ คิดว่ายืนขาไม่ชิดอะ T^T
พอออกจากหอประชุมก็ถ่ายรูปกับครอบครัวที่บ้าน กับเพื่อน IT17 ถ่ายเดี่ยวยัน 18.00
พ่อมาส่งกลับคอนโด นอนหลับอย่างอิดโรยไปในที่สุด

เหนื่อยมากกก เหมือนจะไม่ไหว แต่ก็ไหวอะ

วันรุ่งขึ้น Strong มาก ไปทำงานต่อ..
ขอบคุณร่างกาย ที่ไม่ป่วย ไม่ช็อค ไม่ตาย

“สรุปสำหรับบล็อกนี้คือ บ่นอะไรไม่รู้เยอะแยะ  เป็นพิธีการที่เหนื่อยและจุกจิกมาก ถ้าไม่ติดว่าพ่อกับแม่อยากเห็นลูกตัวเองในงานรับปริญญาสักครั้งในชีวิต นี่ก็อยากงอแงไม่ไปรับ แต่ก็ดีที่จบออกมาได้มีงานมีการทำ และทำให้เขาภูมิใจอ่ะเนอะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ” 🙂

จบเยะ

Related posts:

Comments

comments

Exit mobile version