ทดลองเรียก Taxi จากแอพพลิเคชั่น Grapและ Uber (Call Taxi in Bangkok)

ลองมาแล้วทั้ง Grab และ Uber
เหลือ EasyTaxi กับ All Thai Taxi

จะมาเล่าให้ฟังว่าทำไมถึงต้องใช้บริการเรียกแท็กซี่ผ่านแอพฯ
คือทั้ง 4 เจ้า เป็นบริการรถ taxi ที่สามารถเรียกรถผ่านมือถือ
ผ่าน application ต่าง ๆ ได้
โดยมีราคาใกล้เคียงรถแท็กซี่มิเตอร์


ในปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วในเขตกรุงเทพฯ
ซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับสุภาพสตรีที่กลับบ้านดึก
และสอดคล้องกับการรณรงค์ เมาไม่ขับของประเทศไทยอีกด้วยค่ะ

ปกติชีวิตคนเมืองมันเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องออกข้างนอกไปสัญจร
เหตุด่วน เหตุรีบ เหตุวิกาลยามดึก ก็เรียกแท็กซี่เหอะ
แต่นี่ก็เป็นผู้หญิง สมัยก่อนก็มีข่าวเรื่องคนขับแท็กซี่ข่มขื่นผู้หญิง
มันจึงเสี่ยงที่จะต้องนั่งไปเองคนเดียว

แต่เคยคุยกับพี่คนขับบางคนเขาบอกว่า บางทีแท็กซี่ก็กลัวผู้โดยสารเหมือนกันนะ
ไม่ได้อยากรับสุ่มสี่สุ่มห้า ถ้าดูไม่น่าไว้ใจเขาก็ปฎิเสธ
เพราะมันเคยมีเคสดักปล้นจี้กันบนแท็กซี่
เรียกให้ไปส่งในที่เสี่ยงลับตาคน
หรือบางทีใช้เป็นตัวกลางทำเรื่องผิดกฎหมาย ส่งอาวุธ หรือยาเสพติดก็มี
แต่เขาก็บอกว่า ไม่มีใครอยากทุจริตกับอาชีพของตัวหรอก
แท็กซี่ดี ๆ ก็มีเยอะ

ชีวิตประจำวันเราวันปกติไปทำงานเช้า-เย็น ต้องนั่งแท็กซี่เป็นอาจิณ
โบกจากอโศกไปพระราม3 – พระราม3 ไปอโศกทุกวัน
ก็เลยโหลดแอพฯติดมือถือไว้ไม่เสียหาย
เพราะบางวัน หารถไม่ได้เลย
เอะอะส่งรถ ส่งรถ เติมแก๊ส เติมแก๊ส (คิดในใจพี่จะไปแถวไหนละคะ หนูจะขอติดไปด้วย)
ไม่ก็โวยวายใส่บอกไม่ไป รถติด!!!

แต่ปัญหานี้จะหมดไป
ไม่ง้อพี่แย้ววววววว 😛

ที่ใช้บ่อยสุดคงจะเป็น Grab
การตลาดเขาเข้มข้มและดุสุด เห็นบ่อยตามสื่อป้าย บิลบอร์ด ประชาสัมพันธ์แบรนด์ดีมาก
ยิ่งตามหนังสือพิมพ์แจกฟรีตอนเช้า ๆ ลงโฆษณาบ่อย มันติดตา
คนก็เลยรู้จักเยอะ บวกกับโปรโมชั่นถี่ มีให้ใส่โค้ดรับส่วนลดด้วย

ปัจจุบันบริการของ Grab มีเยอะมาก
เราจะมาเล่าให้ฟังว่าแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไง ความน่าสนใจมีอะไรบ้าง
หลังจากที่ลองใช้มาเป็นปีแล้ว ใช้แบบทุกวันเลยจริงๆ จนแทบไม่ได้ขึ้นรถไฟฟ้าแล้ว
เพราะขี้เกียจนั่งหลายต่อ บวกกับมีโปรมาง้อให้นั่งฟรี 100,70,50 เรื่อยๆเลยค่ะ

ปัจจุบันมีให้เลือก 11  แบบคือ

1) GrabTaxi  แท็กซี่มิเตอร์ทั่วไป มีค่าเรียกรถ 20,25,30 บาท ขึ้นอยู่กับสถานที่ ช่วงเวลา ปริมาณการเรียกใช้ โดยค่าเรียกรถค่าเรียกรถเป็นค่าวิ่งรถเปล่าของแท็กซี่เพื่อไปรับผู้โดยสาร โดยแท็กซี่จะปฏิเสธผู้โดยสารที่เรียกรถระหว่างทางไปรับคุณ เพื่อจะไปให้ถึงคุณเร็วที่สุด โดยมิเตอร์เขาจะเริ่มกดตอนที่เราเริ่มขึ้นไปบนรถแล้วเท่านั้น

2) GrabBilke (Delivery) รถมอไซต์ส่วนบุคคล แว๊นซ์ๆๆ ใช้ให้ไปรับส่งพัสดุ/เอกสารภายในกรุงเทพฯ ไม่เกิน 10 กิโลกรัม แต่เราเคยสามารถใช้ให้ไปซื้อของได้ด้วย ต้องโทรไปสื่อสารตกลงกันดีๆอะ วันนี้ใช้ให้ไปซื้อทับทิมกรอบ ก็โอเคเลยนะ 🙂

3) GrabCar (Economy)  รถยนต์ส่วนบุคคล ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง Vios, Altis, Civic, Jazz, Freed, Brio, City

4) GrabCar+ (Premium) รถยนต์ส่วนบุคคล ขนาดใหญ่ จำพวก Camry, Fortuner, Estima, CRV, Accord, Teana, BMW, Benz

5) GrabBike (Win) เรียกวินมอไซต์จากหน้าปากซอย ราคาคงที่ อันนี้ยังเป็น Beta อยู่ยังไม่เคยลองเรียกนะ ราคาจะแพงกว่าเดินไปขึ้นเองที่วิน 5-10 

6) GrabHitch บริการรถรับส่งเส้นวิภาวดีรังสิต ลาดพร้าว ดอนเมือง เซียร์ รังสิต ม.กรุงเทพ ม.รังสิต จะมีตารางเวลาระบุบอกว่าแต่ละจุดรถจะมารับกี่โมง ก็ไปยืนรอที่จุดรับส่งพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นๆ ในราคา 20 บาทเท่านั้น

7) GrabTaxi (Adv.Booking) แท็กซี่มิเตอร์ทั่วไป แต่ใช้สำหรับการจองเพื่อโดยสารล่วงหน้า ราคาจะชาร์จเพิ่มกว่ากดเรียกทันทีแบบ GrabTaxi ปกติ

8) Taxi 7-seater (Adv.Only) ใช้เวลาเรียกไปสนามบิน ต้องการขนของเยอะๆ สัมภาระหนักๆ 

9) GrabXL (Adv.Only) เป็นรถแวนขนาดใหญ่ ค่าโดยสารจะเริ่มต้นที่ 300 บาท

10) GrabBike (7-eleven) รถมอไซต์ส่วนบุคคล ใช้ให้ไปซื้อของในเซเว่นใกล้บ้าน

11) GrabExpress ให้บริการรับส่งเฉพาะพัสดุขนาดเล็กและเอกสาร โดยจะเป็นรับวันนี้ แต่ส่งวันทำการถัดไปทั่วประเทศไทย และให้บริการผ่าน http://th.grabexpress.com/ เท่านั้น

 

แต่ที่เราใช้บ่อยสุดคือจะเป็น GrabCar กับ GrabTaxi
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่ละวัน และก็สถานที่ที่จะไป
อย่างตอนเย็นวันศุกร์รถติดมาก จะนั่งเข้าไปในเมืองย่านธุรกิจ ถ้าเลือก GrabCar มันจะฟิคค่าโดยสารให้เห็นในแอพฯเลยว่ากี่บาท
เราไม่ต้องไปเสี่ยงว่ารถติดแล้วเขาจะคิดราคาเพิ่ม แบบ uber หรือมิเตอร์จะพุ่งขึ้นฮวบๆ แต่รถไม่ขยับไปไหนแบบ GrabTaxi มันเซฟค่าใช้จ่ายได้ว่าโอเคเรารับได้ที่จะนั่งไปในราคานี้ตั้งแต่ต้นทาง ไปจนถึงปลายทางนะ

แต่ถ้าวันที่รถไม่ติด ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วนอะไร ชิวๆ ก็อาจจะเรียก GrabTaxi เพราะมันกะราคามิเตอร์ได้ตามสภาพจริง ที่เป็นเส้นทางที่เราคุ้นเคย มันบวกลบไม่เกิน 20 บาทหรอก ไม่ต้องไปโบกลุ้นเอาหน้าถนนว่าเขาจะรับไม่รับ แต่เรียกผ่านแอพฯ เขาก็มารับให้ถึงบหน้าบ้านเลย

 

มาดูวิธีการใช้

ให้ไปโหลดแอพฯ ไว้บนมือถือเราก่อน จิ้งลิงค์ด้านล่าง
Android : https://goo.gl/Pyt3pX
iPhone : https://goo.gl/kqf4nl

อันดับแรกก็ให้ Login ให้เสร็จสรรพ ของเราเลือกล็อคอินผ่านเบอร์มือถือ
อย่าลืมเปิด Location ไว้ก่อนด้วยนะ จะได้เซตพิกัดตาม maps ได้

เข้ามาหน้าแรก มันจะ Default ให้เป็น GrabTaxi สังเกตที่ไอคอนรถแต่ละแบบด้านล่างสุด
ว่าเรากำลังเลือกชนิดรถแบบไหนอยู่

  1. PICK-UP คือ จุดที่ต้องการให้ไปรับ หรือ ต้นทางของทริป
  2. Drop-off คือ จุดที่ต้องให้ไปส่ง หรือ ปลายทางของทริปทั้งนี้สามารถกดเสริชได้เหมือน google maps โดยจิ้มลงไปแอพ มันจะแบ่งสถานที่เป็นหมวด เช่น รูปดาวคือที่เราใช้บ่อยๆ กดเป็น Favorite ซะ, หมวดสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้, หมวดร้านอาหาร, หมวดห้างสรรพสินค้า หรือใครเสริชแล้วยังไงก็ไม่จากสถานที่ที่เราต้องการเลย สามารถปักหมุดแบบ manual เองเลยก็ได้ โดยกดที่ไอคอนมุมขวาบน ตามรูปด้านล่าง
  3. ใส่ Promotion Code หรือรหัสส่วนลด ที่เราได้มา ซึ่งรหัสพวกนี้จะใช้ข้ามกันไม่ได้ เช่น รหัสของ GrabTaxi จะนำไปใส่ของ GrabCar ไม่ได้ มันจะแยกส่วนกัน กรณีที่ใส่ไปแล้วขึ้น Error สีแดงต่างๆ นานา เป็นไปได้หลายสาเหตุ เช่น โค้ดนั้นได้หมดอายุไปแล้ว, โค้ดนั้นใส่ไม่ตรงตามเงื่อนไขของแกรบ เช่น โค้ดให้ใช้ได้เฉพาะช่วง 10.00 – 15.00 แต่เราไปใช้ใส่ช่วง 09.00 มันก็จะใช้ไม่ได้ หรือโค๊ดนั้นคุณได้ใช้เกินสิทธิ์ที่เขาจำกัดไว้แล้ว ก็เป็นได้
  4. เลือกวิธีการชำระเงิน เป็นแบบเงินสด หรือชำระเงินผ่านบัตรเครดิตหรือเดรบิต
    – แบบเงินสด คือจะจ่ายตอนถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ซึ่งยอดรวมเบ็ดเสร็จ จะขึ้นโชว์ที่แอพฯ ฝั่งคนขับว่าที่เราต้องจ่ายเท่าไหร่ โดยราคามันจะหักจากส่วนลดแล้ว และอาจจะมีค่าเรียก (สำหรับ GrabTaxi) หรือค่าทางด่วนเพิ่มอีก ก็เลยแต่ทริป
    – ชำระเงินผ่านบัตร จะต้องไปผูกวิธีการชำระเงิน โดยกดที่ปุ่ม Add Payment Method แล้วใส่ข้อมูลบัตรของเราไป เงินจะถูกหักหลังจากจบทริปแล้วเช่นกัน มันจะมีเมล์เด้งเข้าที่ inbox ด้วย แจกแจงรายละเอียดให้ทั้งหมด
  5. Note to Driver กรณีที่ต้องการบอกรายละเอียดเพิ่มเติม ถึงสถานที่ที่จะให้ไปรับ ว่าใกล้กันกับอะไร มีจุดสังเกตเด่นที่ทำให้สื่อสารเข้าใจตรงกัน
  6. หมุดสีฟ้าแสดงสถานที่ต้นทาง
  7. หมุดสีเขียวแสดงสถานที่ปลายทาง
  8. Estimate Fare คำนวณค่าโดยสารคร่าวๆ ให้เบื้องต้นว่ากี่บาท สำหรับ GrabTaxi นะคะ แต่สำหรับ GrabCar มันจะแสดงเป็น Fare ที่แน่นอนเลย ตามตัวอย่างด้านล่างนี้
  9. ปุ่มสีเขียว BOOK เมื่อมั่นใจว่ากรอกรายละเอียดการเดินทางถูกต้องแล้ว กดกดปุ่มนี้ได้เลย ระบบจะทำการค้นหารถที่เข้าเงื่อนไขที่เราระบุ และอยู่บริเวณใกล้เรามากที่สุด สมัยก่อนคนขับจะเลือกผู้โดยสารไม่ได้ แอพฯจะบังคับให้จับคู่ให้ทันทีเลย แต่เดี๋ยวนี้ระบบสามารถให้คนขับเลือกเราผู้โดยสารได้แล้ว บางทีเราจะให้เป็นชื่อคนขับขึ้นมาหลายชื่อ แต่ไม่มีคนกดตกลง เลือกเราสักที ทั้งนี้ก็เนื่องโดยเหตุผลหลายอย่าง เช่น กรณีที่เป็นแท็กซี่มิเตอร์ และเราเลือกชำระเงินผ่านบัตร เขาอาจจะไม่เลือกรับเรา เพราะเขาต้องการเงินสดเป็นวันต่อวันมากกว่า เพื่อเอาไปใช้หมุนเติมแก๊สอะไรของเขาแหละ เท่าที่คุยๆ มาถ้าตัดเงินค่าโดยสารผ่านบัตร ก็ต้องให้ Grab โอนเข้ามายังบัญชีไปรอบๆต่อสัปดาห์ อาจจะ 3 วันโอนเข้ามาครั้งนึง อะไรทำนองนี้ค่ะ

    ระบบจะแสดงว่าเวลาโดยประมาณที่คนขับจะมาถึงจุดที่นัดรับ ซึ่งตรงนี้โคตรให้ความหวังเลย จากสถิติแล้ว รอ 10 นาที หรือ 7 นาที ตามที่แอพฯมันขึ้นบอก แทบจะไม่มีอยู่จริง กว่าจะมาถึงใช้เวลาเกินนั้นตลอด บางทีก็เลยเป็น 30 นาทีก็มีนะ คาดเคลื่อนไปซะไกลเป็น 10 นาทีแม้วมากค่ะ ฮ่าฮ่า แต่คนขับบางคนก็โอเคเลยนะ เขาใช้ช่องแชทพิมพ์มาบอกว่าอาจจะช้าหน่อย รอได้ไหมครับ? หรือคอนเฟริมงานผ่านหน้าแชทเลยก็มี ไม่ต้องเสียค่าโทร
    ระหว่างที่รอรถมารับ เราสามารถเช็ครายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับ ยี่ห้อรถ ทะเบียน ชื่อคนขับได้
    มันปลอดภัยสำหรับคนที่ไม่ไว้ใจว่าจะอันตรายรึป่าว ถ้าต้องนั่งคนเดียว หรือเดินทางดึกๆ เพราะข้อมูลเกี่ยวกับคนขับเราจะรู้หมดเลย ชื่อจริง นามสกุลจริง และมีรูปโปรไฟล์ยืนยันตัวตนได้อย่างชัดเจน เราอาจจะแคปหน้าจอไว้ส่งให้เพื่อนดูได้ว่าเรากำลังนั่งรถไปกับใคร ไปที่ไหน เมื่อไหร่เราเองก็ชิวมาก นั่งไปไหนมาไหนคนเดียวได้สบาย ดูหนังรอบดึกมาหรือเลิกงานดึก ก็ไม่ต้องกังวลเท่าไหร่นักพูดถึงกรณี Cancel Book กันบ้าง หากเราเกิดเปลี่ยนใจแล้วต้องการยกเลิกทริปกะทันหัน หรือระยะทางของคนขับที่อยู่ไกลกันมากๆ เราอาจจะรอไม่ไหว สามารถกด Cancel เพื่อยกเลิกทริปได้ค่ะ แต่แนะนำว่าควรโทรไปหาฝั่งคนขับก่อน ว่าเราจะขอยกเลิกนะ เพื่อที่เขาจะได้ไม่เสียเวลาขับรถมาหาเรา ทำให้เขาพลาดโอกาสรับงานคิวอื่นไปด้วยเราเองก็มักได้ยินพี่คนขับแท็กซี่บ่นให้ฟังแทบจะทุกอาทิตย์เลย ว่าเจอบ่อยมาก เคสที่ขับไปจะถึงที่หมายที่ผู้โดยสารเรียกให้ไปรับอยู่แล้ว อีก 100-200 เมตร แต่โดยกด Cancel ไปแบบต่อหน้าต่อตา แล้วก็โทรกลับติดต่อไม่ได้อีก อันนี้ไม่ดีเท่าไหร่ ใจเขาใจเรา ที่สำคัญ หากเรากด Cancel บ่อยๆ ไม่แน่ใจว่าเกินกี่ครั้ง ระบบจะบล็อกไม่ให้เราสามารถเรียก Grab ได้อีก เหมือนโดนแบนไปเลยอะค่ะ ด้านฝั่งคนขับก็เหมือนกัน หากเขากด Cancel ทริปเราไป เขาก็จะโดนหักเงินเหมือนกันนะ เคยได้ยินอยู่ แต่เราแค่เจอแต่แบบคนขับโทรเขามาแล้วขอให้กด Cancel ฝั่งเราเองได้ไหม เพราะเขาอยู่ไกลมากและรถก็ติดหนึบ ลองเรียกคันอื่นดูไหม

    อันนี้ก็เงิ่บเลย!!

 พอสิ้นสุดทริปจะมีการให้คอมเม้นท์แสดงความคิดเห็น ให้ดาวคนขับ พี่แท้กซี่แอบบอกว่า รบกวนให้ดาวพี่เยอะๆหน่อยนะ พี่เก็บเวลอยู่
เหมือนกับว่าถ้าได้เรทติ้งได้เขาจะได้เงินเพิ่มด้วยไรงี้ แต่ถ้าเขาบริการไม่โอเค มาช้า ขับไม่ดี พูดจาไม่ค่อยสบอารมณ์
เราสามารถคอมเม้นไปในแอพฯ ได้เลย เดี๋ยวก็จะมีเมล์ Support ติดต่อกลับมา


ใครอยากลองใช้ Grab แบบเราดูบ้าง นั่งครั้งแรกแจกโค๊ดลดไปเลย 50 บาท
ให้ใส่ code : GRABFANGRIOBLOG

เลยค่ะ

 

ข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากที่ได้สัมภาษณ์คนขับ GrabTaxi

– คนขับจะต้องสมัครไอดีไว้ประจำตัว พร้อม เปิดบัญชีธนาคารไว้เพื่อใช้สำหรับ GrabTaxi
– ทุกครั้งที่มีคนเรียกรถผ่าน app คนเรียกจะเสีย 25 บาท ซึ่งในนี้จะต้องหักให้กับ GrabTaxi ที่ครั้งละ 7 บาท  คนขับได้ค่าเรียกไป 18 บาท– คนขับที่ทำยอดได้ถึงเป้าการรับส่ง ผดส. เดือนละ 250 ครั้ง ขึ้นไป จะได้เลื่อนระดับเป็น VIP taxi ซึ่ง พอเป็น vip แล้ว คนขับจะได้ สวัสดิการต่างๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเรียนบุตรหลาน ค่าเสื้อฟอร์ม และ เงินเดือน เดือนละ 5000 บาททุกเดือน
ซึ่งถ้าสามารถรักษาระดับนี้ไว้ได้ จะได้เลื่อนระดับเป็น super vip ซึ่งจะมีรายได้ประจำจาก grab taxi สูงกว่า vip
– หากคนขับ ปฏิเสธลูกค้าระหว่างทาง หรือ แสดงกิริยาไม่สุภาพ จะโดนหักเงินประกันที่เปิดบัญชีไว้ ทันที  หากทำผิดบ่อยครั้งจะโดนปิดบัญชีและ แบนถาวร
– คนขับที่เป็น vip แล้ว จะไปรับของ easy taxi ไม่ได้ ต้องรับเจ้าเดียวเท่านั้น
– เท่าที่คุย คนขับค่อนข้างพอใจ เพราะไม่ต้องวนรถหาลูกค้าเองให้เสียเวลาหรือเปลืองแก๊ส และยังได้ค่าเรียกเพิ่มทุกครั้ง (18 บาท)
ลูกค้าบอกเป้าหมายแต่แรก ทำให้ตัดสินใจได้ว่าจะรับหรือไม่รับงาน หากรับงานเยอะ ก็ได้เลื่อนระดับ หากรับงานน้อยก็คงตัวไป

จบที่เรื่อง Grab
มาที่ Uber กันบ้าง

Uber นี่ทำธุรกิจแนวนี้มาก่อน Grab แต่เหมือนตอนนี้ในไทยบ้านเราจะโดน Grab ตีตลาดไปเยอะกว่านะ
เราหูผึ่งตรงที่มีโปรนั่งครั้งแรกฟรี 300 บ. และนั่นก็คือครั้งแรกที่ได้ลองใช้ Uber

แต่ต้องผูกกับบัตรเครดิต มันจะหักเงินจากตรงนั้นจะไม่มีจ่ายเป็นเงินสดเหมือน Grab

ข้อเสีย Uber อยู่ตรงนี้ คือเราจะไม่สามารถรู้ค่าโดยสารได้จนกว่าจะนั่งไปจบทริป ถึงปลายทาง
จะแค่คำนวณให้คร่าวๆ หลวมๆ และที่สำคัญถ้าเป็นช่วงเวลาที่มีการเรียกใช้เยอะๆ รถขาด

มันอาจมีการคูณ X Rateของค่าโดยสารเพิ่มไปอีกเท่าตัว 
เพราะมันจะตัดเงินจะบัตรเครดิตเอง หรือถึงที่หมายคนขับจะแจ้งค่าโดยสาร
แต่ข้อดีคือ เรียกรถได้เร็วมากกกกกกกกกกกกกกก  ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็จะมีคนกดรับทันที
แล้วเวลาในแอพฯ ค่อนข้างเที่ยงตรง บอกว่ารออีก 6 นาที คือ 6 นาทีของจริง ไม่ใช่ 6 นาทีแแม้วเหมือนของ Grab
มันดีตรงนี้ ที่ชอบเลย เพราะว่าคนขับเขาจะเลือกเราผู้โดยสารไม่ได้เหมือน Grab ระบบมันจะฉลาดจับคู่ให้เลย
แล้วคนขับจะไม่มีทางรู้ปลายทางที่เราจะไป จนกว่าเราจะขึ้นรถมาเจอกัน ทำให้เขาปฎิเสธผู้โดยสารไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น แอพฯ ของ uber ยังฉลาดไปถึงขั้นป้องกันการฮั้วกันระหว่างคนใช้แอพฯ กับคนขับได้ด้วย
คือแอพฯ จะไม่มีจับคู่ผู้โดยสารกับคนขับซ้ำกัน เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ตั้งแต่นั่ง Uber มาก็ยังไม่เคยเจอกรณีเรียกแล้วโป๊ะเจอคนขับคนเดิมเลยนะ เรียกทุกวัน ก็ไม่ซ้ำหน้ากันสักวันอะ

 

วันนั้นต้องเดินทางไกลด้วยจากสุขุมวิท 64 ไปแถวม.บางมด พอดี
แล้วถามๆเพื่อนว่า มันนั่งฟรี 300 บ. จริงป่ะ เพื่อนบอกจริง
ก็เลยไปโหลดแอพฯมาทันทีแล้วก็ใส่รหัสเพื่อนลงไป
รู้สึกว่าหน้าตา UI มันจะหรูหรา เรียบง่าย สบายตาดีนะ

Uber มีรถให้เลือก 2 ชนิด คือ

1) UberX :  Vios, Altis (ถูกกว่า)
2) UberBlack : Camry Accord, Mercedez, BMW

เลือก UberBlack ไป โอะโหยย หรูหราอลังการมากแคมรี่ขับมารับหน้าคอนโด
พี่ผู้หญิงขับ ในรถเป็นพรมแดง มีผ้าม่าน รถสะอาดมาก นั่งคนเดียว ลุคคุณนายทันที

อยากลอง Uber แล้ว ทำไงดีล่ะ?

1) โหลดแล้วเปิดแอพ Uber ในโทรศัพท์ของคุณ แตะปุ่มเรียกรถ รออึดใจเดียวให้เราไปรับคุณถึงที่
2) ไม่ต้องรอแบบไร้จุดหมาย คุณจะเห็นรถของคุณเดินทางมาหาคุณบนแผนที่แบบเรียลไทม์ และจะโทรเตือนคุณเมื่อคนขับรถมาถึง
3) ไม่ต้องใช้เงินสด ไม่ต้องคอยแตกแบงค์ รอเงินทอน การจ่ายเงินทำผ่านแอพโดยหักจากบัตรเครดิทของคุณ ส่วนใบเสร็จจะไปรอคุณอยู่ในอีเมล์ทันที
4) ใช้โค้ด kanittak2ue ของเรา ขึ้น Uber ฟรีได้ 1 ครั้ง! (สำหรับการเดินทางไม่เกิน 300 บาท)

รู้สึกว่าทั้ง Grab และ Uber
น่าจะมี Target ลูกค้าที่แตกต่างกัน คือ Grab จะเน้นกลุ่มคนทั่วไป โดยเฉพาะเราเนี้ยะ ช่วงมีโปรใช้ทุกวันเลย
แต่ Uber จะเน้นกลุ่มคนที่ซื้อความสะดวกสบาย หรูหรา WorldWide ใช้ได้หลายประเทศ
แลกกับราคาที่สูงกว่า และเกรดรถที่มารับก็จะพรเมี่ยมกว่าด้วย โดยส่วนมากจะเป็นกลุ่มชาวต่างชาติซะมากกว่า
แถมพี่คนขับบอกว่ารายได้เฉลี่ยตอนเปลี่ยนอาชีพมาขับกับ Uber ตกอาทิตย์ละ 10,000 thb เลยอะแกรรร (มันจริงป้ะนะ?)
เอาจริงก็น่าสนใจ เห็นเพื่อนที่ทำงานว่าง ๆ ก็ขับ Uber กันอยู่เหมือนกันแฮะ

สรุปวันนั้นนั่งไป เสียค่าโดยสารไปทั้งหมด 400.06 บาท
แต่ได้ส่วนลดนั่งฟรี 300

เบ็ดเสร็จโดยหักจากบัตรไปทั้งสิ้น 150 บาท ถือว่าคุ้มอยู่กับรถหรูขนาดนี้
แล้วคือก็เร็วดี ขึ้นทางด่วนด้วย

ใครนั่งครั้งแรก เอารหัส Promo Code : kanittak2ue  นี้ไปกรอกใช้ได้
จะได้ส่วนลดทันที 300 บาท

ปัญหาแท็กซี่โบกแล้วไม่รับ กลับดึก อยู่ในซอยเปลี่ยว เมาไม่ขับ ฯลฯ
มีแอพฯเหล่านี้ไว้ช่วยได้
และเท่าที่สังเกตุคนขับจะสุภาพกว่าถ้าเทียบกับแท้กซี่ทั่วๆไปที่โบกเอง รถก็สะอาดสะอ้าน
รู้สึกปลอดภัยกว่า เพราะมีข้อมูลรายละเอียดคนขับยืนยันตัวตนได้ ดีค่ะ
ค่าบริการที่เสียไป ถือว่าซื้อความปลอดภัยให้ชีวิตค่ะ

มาใหม่ล่าสุดเลย UberEats สั่งอาหารมากินที่บ้านได้ง่ายๆ
ตามไปอ่านได้จากบล็อกนี้ค่ะ

รีวิว UBEREATS แอพสั่งอาหารถึงบ้าน ทดลองสั่งเมนูจากร้านตำรับภูเก็จ (TUMRHAP PHUKET) สาขาทองหล่อ

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

สนใจจะเป็น UBER DRIVER : http://taamkin.com/uber-2/
https://www.uber.com/
https://grabtaxi.com/bangkok-thailand-th

Comments

comments

fangrio Written by:

สนใจเกี่ยวกับการทำอาหาร ต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ และความเป็นไปรอบตัว อยู่บ้านชอบเดินเท้าเปล่า ไม่ชอบนอนดึก แต่ตื่นไม่เช้า เป็นหัวไช้เท้าดองเลิฟเวอร์

One Comment

  1. […]  ค่าเดินทาง [1,000+] เน้นเดินทางโดย Taxi เป็นหลัก ไล่ไปตั้งแต่ตอนไปตัดครุย รับครุย วันถ่ายรูปหมู่+ปัจฉิมที่มอ วันซ้อมย่อย วันซ้อมใหญ่  หมดค่าแท้กซี่ไปเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขึ้นทางด่วนก็เจอด่านเก็บอีก แนะนำให้โหลดแอพฯเรียกแท็กซี่มาใช้ แวะไปอ่านบล็อกนี่ได้นะค่ะ > ทดลองเรียก Taxi จาก Application […]

Leave a Reply