ร้าน ISAO Japanese Restaurant. ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 31
ชื่อเสียงเลื่องลือระบือลืมนามว่า คนเยอะเต็มทุกวัน และต้องจองล่วงหน้าเผื่อไว้ถ้าคิดจะมา
โดยร้านจะเปิดเป็น 2 ช่วงคือช่วงกลางวัน (last order 14.30 น.) และช่วงเย็น (last order : 21.30 น.)
เราตัดสินใจไปช่วงเย็นๆ พาแม่ไปลองด้วย โดยช่วงเย็นร้านจะเริ่มเปิดตอน 17.30 น.
เราโทรไปเช็คล่วงหน้าว่าคิวจองเต็มหรือยัง แน่นอนว่า
“เต็มแล้วค่ะ แต่ลูกค้าสามารถ walk-in เข้ามาที่ร้านได้”
คือร้านนี้จะแบ่งโซนสำหรับจองครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งสำหรับลูกค้าที่เดิน walk-in มาตามปกติ
วัดดวงเอาเนาะ
วิธีการเดินทางไป ร้าน ISAO คือ ลงบีทีเอสอโศกหรือพร้อมพงษ์ก็ได้
แล้วเดินมาที่ซอยสุขุมวิท 31 เข้าซอยมาสัก 300-500 เมตรมั้ง ไม่ไกลอะ
คือถ้าเดินมาจากบีทีเอสได้ ก็น่าจะเดินต่อไหวอะ ไม่งอแงนะ
นี่คิดว่าลงสถานีพร้อมพงษ์เดินใกล้กว่า 30% นะ
ถ้าใครขับรถมาไปจอดที่ตึก RSU Tower ได้ค่ะ จอดฟรี
เพราะร้านเป็นตึก 2 ชั้น หน้าร้านก็ไม่มีที่ให้จอดหรอก
คันเดียวก็เต็มแล้วแก
ตรงฟุตบาทก็พอจอดได้แต่มันเกะกะขวางทางเขาอะ
เมนูที่เตรียมไว้ในใจว่าจะสั่ง (ทำการบ้านมา)
คือ Jackie Roll, Sake Kabutori, Crunchy, Volcano, Winter Roll
แต่สุดท้ายกินไม่ไหวหรอก ไปกัน 2 คนเองเลยตัดใจไม่ได้สั่ง Crunchy (โรลแซลมอนกรอบ)
กับ Volcano (หอยระเบิด) ไปแต่สั่งข้าวปั้นหน้าแซลมอนกับมากุโร่มาอย่างละ 2 คำแทน
ดีงามพระรามแปดทั้งคู่ ><
ยกความดีความชอบให้เจ้าหนอนน้อย Jackie (โรลกุ้ง) เลยค่ะ เป็นต้นตำรับของโรลตัวหนอนที่แรกเลย
คือถ้ามาร้านนี้แล้วไม่สั่งเมนูนี้ ประดุจว่ามาไม่ถึง ISAO เป็น Signature dish ชิ้นเอกเลย
ด้วยความที่เรานั่งบาร์ติดเชฟเลย จึงเห็นเชฟทำซูซิ
จัดจานแบบ Full HD ไปอี๊ก เขาทำเร็วนะ หยิบจับอะไรงี้ว่องไวไปหมด
แต่ดูสะอาดและก็เป็นระเบียบ ที่สำคัญคือทุกจานจัดออกมาสวยเหมือนกับภาพโฆษณาเลย
ไม่ต้องกลัวว่าจะถ่ายรูปออกมาแล้วไม่เหมือน original ถือว่าเก่ง ส่วนรสชาติก็ไม่รู้จะพูดไง
คือมันอร่อยและดีต่อใจมากจริง เขาสั่งกันทุกโต๊ะอะเอาจริง เห็นแล้วน้ำลายไหล
มันหนุบหนับมีหลายรสชาติฉ่ำซอสภายในคำเดียว ออกแนวกรอบๆ
เพราะมีผักอโวคาโด แตงกวาอยู่ด้วย ตัวโรลจะห่อด้วยกุ้งเอบิ
อัดไส้ด้วยกุ้งเทมปุระ ไข่กุ้งด้วย ตอนเคี้ยวนี่แบบนัวมาก
อีกจานคือ Winter Roll
ด้วยความที่มันห่อด้วยแผ่นแตงกวาแล้วด้านในอัดด้วยไส้ กุ้ง เนื้อปู
ผักอีกเยอะเลยเช่นผักโขม แตงกวา อโวคาโด ไควาเระ ไช้เท้า แครอท
ซึ่งเป็นผักโซนเคี้ยวแล้วเย็นๆ โรยหน้าด้วยปลาหมึกบด
ทานได้รู้สึกสดชื่นดี ต้องไปลองนะ
คือตอนแรกกะว่าถ้าแม่อาจจะไม่ชอบปลาดิบ หรือมากิอะไรทำนองนี้
แต่ทานไปทานมา และของมันกำลังจะขาดช่วงนางเลยส่งคำขอชี้ไปที่มากุโรและแซลมอน มาอย่างละ 2 คำ
ด้วยความที่นั่งอยู่หน้าบาร์ ส่งสายตาหวานให้เชฟ 2-3 ที เขาก็ลัดคิวทำให้ทันที น่ารักอะ ?
รสชาติก็ไงดีอะ แม่บอกว่าชอบมาก
แต่เราเองก็ไม่ได้เป็นสายปลาดิบเลิฟเวอร์ตัวยงหรอก
คือเนื้อก็โอเคเลยแหละ ข้าวน้อยปลายาว
เนื้อหวานดีค่ะ
ส่วนแซลมอนต้มซีอิ้วมาเสริฟด้วยจานใหญ่กว่าที่คิดไว้ในสมองอีก
คือตอนแรกกะว่าถ้าแม่อาจจะไม่ชอบปลาดิบ
หรือมากิอะไรทำนองนี้เลยสั่งเป็นเมนูปลาต้ม จะได้ทานง่าย
ไม่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว แถมเราก็ชอบกินปลาด้วยเพราะมันย่อยง่ายกว่าเนื้ออื่น
ตอนสั่งไปพนักงานก็แอบบอกแล้วว่าเมนูนี้รอนานหน่อยนะคะ และก็นานจริงๆ
มาเมนูสุดท้ายเลยจ้า ปิดท้ายโดยการนั่งแงะเนื้อปลาออกมา
รสชาติจะออกแนวเป็นคล้าย ๆ ต้มซุปเค็มๆหน่อย
ถ้าเทียบกับ Sushi Hiro ที่โน่นจะเป็นน้ำซอสข้น ๆ
รสชาติหวานหนืดกว่าที่นี่ แต่หัวปลาใหญ่กว่ามาก เนื้อเยอะกว่า
บรรยากาศที่ร้านในตอนเย็นวันนั้นค่อนข้างวุ่นวาย เพราะมีคนต่อคิวรอหน้าร้านหลายคิว
แต่พนง.ก็ manage ได้ดี อาหารมาเร็วกว่าที่คิด
เชฟดูชำนาญกับอาชีพ หั่นปลา ปั้นข้าวโคตรเซียน
ถือเป็นไฮไลท์ดูไปเพลิน ๆ ระหว่างรออาหารเสริฟได้
เบ็ดเสร็จค่าเสียหายทั้งหมดคือ 1,209.10THB
โดย Settlement Record ได้ดังนี้ (มีความ SAP มากกับการใช้ศัพท์คำนี้ โถ่ว..ฟาง)
– Jackie 350 บาท
– Sake Kabutori 250 บาท
– Winter 250 บาท
– Drinking Water 20 บาท
– Nigiri Salmon 150 บาท
– Nigiri Maguro 110 บาท
++Vat 7%
เราซื้อบัตรของขวัญจาก Social Giver มูลค่า 1,000 บาท ส่วนต่างที่เหลือก็ออกเองอีกต่างหากค่ะ
แนะนำให้กดซื้อจากเว็บนี้ในราคา 900 บาท แต่สั่งอาหารมาทานได้ในมูลค่า 1,000 บาท #คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
แถมเรามีโค้ดโปรลดราคาพิเศษให้อีก 10% สำหรับผู้อ่านบล็อกเรา ใส่โค้ดด้านล่าง
Promo Code “FANGRIO”
ลงที่หน้า Shopping Cart ตอนที่กำลังจะ Payment ชำระเงิน
Update เพิ่มเติม (18 กุมภาพันธ์ 2560)
แวะไปซ้ำที่อิซาโอะครั้งที่ 2 ในเย็นวันศุกร์แห่งชาติ
รอคิวหน้าร้านประมาณ 7-8 คิว ไปถึงหน้าร้านราวๆ สัก 2 ทุ่มได้ คนเต็มเลยยยยย!! เยอะเหมือนเดิม โดยเฉพาะชาวต่างชาติ
รอประมาณครึ่งชั่วโมงก็ได้เรียกชื่อ ได้นั่งเคาเตอร์บาร์อีกแล้ว ยังไม่เคยได้นั่งโต๊ะหมู่เลยแฮะ แต่ไม่เป็นไรไม่ใช่ประเด็น
มาอัพเดทเมนูเพิ่มเติมคือความอร่อย
นี่นั่งเขียนไป จินตนาการไปด้วยความหิวโหย เพราะอยากกินอีกแบบไม่มีที่สิ้นสุด
เมนูที่สั่งไปคือ Dragon, Winter, Vocano, Rice, Chicken Karake, Spicy Sandwich Sushi
กล่าวเหมือนเดิม ไม่มีเมนูไหน ไม่อร่อย ดีงามทั้งหมด!!
Dragon (โรลมังกรสอนใจ)
เมนูนี้ราคาแพงกว่า Jackie อีกนะ ปักหมุดไว้เลยว่าฉันต้องกินให้ได้! หน้าตามันก็ดูเป็นมังกรตัวโรลจะทำมาจากอะโวคาโดสลับกับปลาไหลย่างราดซอส ข้างในเป็นไส้กุ้งเทมปุระ ตัดสินใจไม่ถูกว่าอันไหนอร่อยกว่ากัน ระหว่าง Jackie กับ Dragon รักพี่เสียดายน้อง ใครชอบกินปลาไหลย่างน่าจะชอบเมนูนี้มากกว่า จะนุ่มๆลิ้น
Vocano (หอยระเบิด)
เป็นเนื้อของหอยเชลล์ตัวใหญ่ อบด้วยซอสหวานๆมันๆ เข้มข้นมากเลยแนะนำให้ทานคู่กับข้าวกระเทียม จะอร่อยกำลังดีไม่เลี่ยนจนเกินไป เราไปทานกัน 3 คน แบ่งกันทานเมนูนี้ และทำให้มันดูพิเศษและลิมิตเต็ด #ฮ่า เราว่ากินคนเดียวอาจเลี่ยนไปก็ได้นะ
Spicy Sandwich Sushi (แซนวิซซูซิ)
ข้างในเป็นไส้แซลมอนสับ แป้งข้างนอกหั่นมาพอดีคำ อ้าปากแล้วยัดเข้าไปเคี้ยวได้กำลังดีเลย แป้งจะกรอบนิดนิด ไส้ข้างในแน่นบวกกับซอสราดทำแบบ Homemade แอบมีหอมซอยโรยมาด้วยแต่ไม่ต้องกลัวสำหรับคนที่ไม่กินหอมซอย เธอเจอเมนูนี้เข้าไปเธอลืมไปเลยว่าเธอเกลียดต้นหอม เพราะมันแทบไม่มีกลิ่นหอมให้กังวลใจ เมนูนี้กินเอามันส์ไม่ได้หวือวามากแต่เห็นหลายคนบอกว่าชอบมาก ถ้ากลัวไม่อิ่มให้เสร็จเมนูนี้มาตัดกำลัง รับรองจะทำให้อยู่ท้องค่ะ
Tori Karaage (ไก่ทอดคาราเกะ)
เป็นเมนูที่ไม่น่าจะมีใครสั่ง เพราะมาร้านอาหารญี่ปุ่นก็คงตั้งใจมากินซูซิ หรือโรล แต่พลาดแล้วล่ะสำหรับคนที่ไม่เคยลองเมนูนี้ มันเป็นอะไรที่หลายคนมองข้ามไป เพราะคิดว่าสั่งกินที่ร้านยาโยอิ หรือฮะจิบังก็คงเหมือนกัน ตัวเด็ดของเมนูนี้อยู่ที่ซอสจิ้มสีน้ำตาล รสชาติออกหวาน/มัน/เค็ม ส่วนไก่กรอบนอกนุ่มในค่ะ จานใหญ่กว่าที่คิดไว้อีก ได้หลายชิ้นด้วย ต้องลองค่ะ ทานเล่นรอเมนูที่ทำยากๆมาเสริฟฆ่าเวลาได้ดีทีเดียว
Garlic Fried Rice (ข้าวญี่ปุ่นผัดกระเทียม)
เมนูข้าวเป็นอะไรที่เบสิคมาก ไม่คาดหวังว่ามันจะดี แต่เขาหุงได้ร่วนกำลังดีมาก นุ่มมมมมมมมมมม กินคู่กับไก่คาราเกะ หรือ หอยระเบิดก็ได้ ฟินนนนนนน >< จนมีความคิดว่าอยากเปิดร้านข้าว มีครั้งนึงไปกิน Neta Gril บุฟเฟต์ สาขาทองหล่อ คืออาหารมันก็หลากหลายมากมีทั้งทะเลซีฟู๊ดปิ้งย่าง อาหารญี่ปุ่นซูซิ อาหารไทย แต่ที่สะดุดปากมากคือ ข้าวหอมมะลิ ที่สั่งมาทานคู่กับหมูชาชู เสริฟมาด้วยข้าวร้อน ควันขึ้นฉุยมาก แล้วกลิ่นหอมแบบข้าวมะลิแท้ คือกินไปแล้วข้าวอร่อยกว่าหมูอีก ชอบข้าวร้านนั้นมากกก จึงคิดว่าข้าวนี่เป็นเมนูที่สำคัญมากๆ อย่างนึง คนไทยกินข้าวเป็นอาหารหลักมาตั้งแต่โบราณ แต่เดี๋ยวนี้คนสมัยเริ่มไม่ค่อยชอบกินข้าวไทยไทยแล้วเพราะว่่า ไปเจอร้านข้าวแกงข้าวแข็งๆมา ก็ทำให้ภาพลักษณ์ข้าวไทยดูดรอปลงไปเลย จริงๆ ร้านอาหารไม่ต้องทำเมนูพิสดารหรือปรุงสูตรซับซ้อนหรอก แต่หุงข้าวให้เป็น ออกมาหอม สุกกำลังดี ให้โอเคก่อน พอเอาข้าวดีๆ ไปกินกับเมนูอะไรมันก็อร่อยอะ
ค่าเสียหายในครั้งนี้
- Dragon 420 บาท
- Winter 250 บาท
- Tori Karaage 160 บาท
- Garlic Fried Rice 40 บาท
- Vocano 250 บาท
- Spicy Sandwich Sushi 300 บาท
++Vat 7%
สรุปของสรุป ร้านนี้ยกให้เป็นร้านอาหารฟิวชั่นญี่ปุ่น (Fusion Japanese Sushi Bar) ที่ 1 ในดวงใจไปเลยค่ะ
ไอเดียความคิดสร้างสรรค์บวกกับรสชาติอาหารที่ไม่เป็นรองใครทั้งนั้น นี่รีวิวเองแบบไม่มีสปอนเซอร์ด้วย ไม่ม้า ชอบเองล้วนๆฮะ ฮี่ฮี่
ร้านเปิดปิดตามนี้11:00–14:30, 17:30–22:00
สอบถามข้อมูลที่เบอร์โทร 02-2580645
FB : ISAO sushi restaurant
Be First to Comment